พาราสาวะถี

การนำคณะบินไปมาเลเซียของ ภูมิธรรม เวชยชัย เพื่อเจรจากับ ฮุน มาเนต ที่ทางเสือเหลืองในฐานะประธานอาเซียนร่วมจัดขึ้นกับสหรัฐอเมริกา


การนำคณะบินไปมาเลเซียของ ภูมิธรรม เวชยชัย เพื่อเจรจากับ ฮุน มาเนต ที่ทางเสือเหลืองในฐานะประธานอาเซียนร่วมจัดขึ้นกับสหรัฐอเมริกา และมีผู้แทนจากจีนเข้าร่วมด้วยเมื่อวานนี้ (28กรกฎาคม) ถือเป็นกลไกที่เกิดขึ้นตามคำขู่ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำมะกันก่อนหน้า การเจรจาโดยฝ่ายการเมืองของไทย คงต้องแข็งขัน ยืนยันถึงการเป็นผู้ถูกรุกราน รุกล้ำอธิปไตย ไม่ใช้ท่วงทำนองประนีประนอมเหมือนที่ผ่านมา เพราะถือว่าอีกฝ่ายเป็นผู้กระทำ จนทำให้เกิดการสูญเสียโดยเฉพาะชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์

ขณะที่สถานการณ์การสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชานั้น กองบัญชาการกองทัพไทย รายงานยืนยันสถานการณ์ยังคงตึงเครียดสูง ด้วยความสกปรก โสมมในการใช้กำลังของฝั่งเขมร ทางกองทัพคาดว่า มีการเตรียมปฏิบัติการครั้งใหญ่ก่อนเข้าสู่การเจรจา เมื่อหน้างานเป็นแบบนี้ รัฐบาลคงตัดสินใจแบบที่ผ่านมาไม่ได้ จะเห็นว่าหลังจากที่ฝั่งเขมรได้เปิดฉากยิงก่อนนั้น ได้มีการมอบอำนาจในการบัญชาการด้านความมั่นคงให้กับกองทัพ ดังนั้น เรื่องอธิปไตยต้องให้ทางกองทัพเป็นผู้ชี้ขาด

เห็นกันอยู่ว่าอีกฝ่ายยังเปิดฉากยิงต่อเนื่อง มีความพยายามที่จะเข้ายึดพื้นที่แนวชายแดนของไทยหลายแห่ง ที่สำคัญยังมีการระดมยิงปืนใหญ่ จนล่าสุดกระสุนตกใส่เป้าหมายพลเรือนที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นเหตุให้ประชาชนเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย เช่นนี้แล้ว ทางกองทัพจำเป็นต้องปฏิบัติการตอบโต้ เพื่อหยุดความบ้าระห่ำของเขมรให้จงได้ คงเป็นไปอย่างที่ ทักษิณ ชินวัตร ว่าไว้ คงต้องให้เวลาทหารได้จัดการกับความเจ้าเล่ห์ของ ฮุน เซน ให้สาสมเสียก่อน แล้วค่อยเจรจา

ตอกย้ำถึงการไม่เคารพกติกาของอีกฝ่าย พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมชี้ คนทั่วไปเห็นกันแล้วว่า เขมรมีความจริงใจหรือไม่ ถ้าตนเป็นส่วนหนึ่งในซีกของกองทัพก็ไม่สบายใจว่าอีกฝ่ายจะมีความจริงใจอย่างไร ขณะที่ประเทศไทยมีความจริงใจแน่นอนที่จะหยุดยิง เพราะคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ชายแดน แต่ไม่คิดว่ารัฐบาลกัมพูชาจะไม่ปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ อนุสัญญาเจนีวา อนุสัญญาออตตาวา และขาดหลักมนุษยธรรม ไม่เคยคิดว่า ในปี 2025 ยังมีกองทัพประเทศในโลกปฏิบัติการลักษณะนี้ ยืนยันรัฐบาลจะดำเนินการด้วยความรอบคอบ

หากมองถึงความจริงใจจากฝ่ายเขมรที่จะทำให้เชื่อว่าพร้อมเจรจานั้น ในส่วนกองทัพคงชัดเจนในคำตอบว่า ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันที่ไว้วางใจได้ เพราะขนาดตัวผู้นำก็เอาแต่โกหกมดเท็จ ฮุน มาเนต อ้างว่ากัมพูชาพร้อมหยุดยิง แต่ฝ่ายไทยไม่ได้ทำตามนั้น ทั้งที่ความจริงก็คือ มีการคุยกับทรัมป์ 5 ทุ่มคืนวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่พอถึงเวลาตีสองของวันที่ 27 กรกฏาคม ก็เริ่มยิง เริ่มโจมตีประเทศไทย อย่างนี้ทหารย่อมยอมไม่ได้ กองทัพต้องเดินหน้าในการตอบโต้อย่างต่อเนื่อง

ต้องไม่ลืมว่า นับตั้งแต่วันแรกของการสู้รบ สิ่งที่ฝ่ายเขมรกระทำโดยไม่สนใจอนุสัญญาระหว่างประเทศใด ๆ คือ การโจมตีที่หมายพลเรือน จนถึงวันนี้ก็ยังมีการยิงกระสุนปืนใหญ่เข้าใส่บ้านเรือนประชาชน นั่นเท่ากับคำตอบจากกองทัพต่อข้อเรียกร้องให้หยุดยิงคือ ไม่มี เพราะไม่ไว้วางใจ ส่วนการสู้รบจะยืดเยื้อขนาดไหนนั้น ขึ้นอยู่กับปฏิบัติการณ์ของกองทัพไทยว่าจะจำกัดพื้นที่การโจมตี หรือจัดการแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หากอีกฝ่ายยังไม่ลดราวาศอก ก็คงต้องกำจัดเสียให้สิ้นซาก

ไม่ต้องถามถึงเสียงของประชาชน เห็นได้จากการสนับสนุนกันทุกช่องทางเพื่อเสริมกำลังบำรุงให้แนวหน้าได้มีกำลังในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ เชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของกองทัพจะสามารถจัดการสถานการณ์ได้ แต่นอกเหนือจากการให้กำลังใจ พร้อมระดมทุกสรรพกำลังช่วยเหลือทั้งแนวหน้าและเหล่าผู้อพยพแล้ว สิ่งหนึ่งที่คนไทยต้องช่วยกันสอดส่องก็คือ พวกสายลับที่แฝงตัวอยู่ตามบริเวณจังหวัดชายแดนจังหวะฝ่ายความมั่นคงง่วนอยู่กับภารกิจป้องกันประเทศ ประชาชนคนธรรมดานี่แหละ ที่จะต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาจัดการกับพวกสอดแนมเหล่านั้นให้อยู่หมัด

ขณะเดียวกัน หากประเมินท่าทีของรัฐบาลจนถึงเวลานี้ต้องยอมรับกันว่า ไม่มีทางที่จะคิดไปในทิศทางที่แตกต่างจากความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ได้ บทสัมภาษณ์ล่าสุดของ จักรภพ เพ็ญแข ที่ปรึกษาเลขาธิการนายกฯ น่าจะเป็นคำตอบที่ชัดเจน ความก้าวร้าวของกัมพูชายังไม่หยุดหย่อน การที่จะเดินเข้าสู่โต๊ะเจรจาในขณะนี้ประเทศไทยยังไม่เห็นด้วย จะต้องมีสิ่งที่ต้องทำคือ เรื่องของการโต้ตอบอย่างสมควร เรื่องของการพิทักษ์ศักดิ์ศรีของประเทศ เพื่อประชาชน อาจจะมีบางเรื่องที่จะต้องทำก่อนที่จะเดินเข้าสู่โต๊ะเจรจา

พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ ฝ่ายกองทัพไม่ต้องการให้กัมพูชาก้าวร้าวถึงวินาทีสุดท้าย และฝ่ายรัฐบาลจะไม่เดินเข้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างง่ายดายเกินไป ประเด็นหลักที่ควรจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียดก็คือ จะไม่ผลีผลามเดินเกมเข้าไปในเรื่องของการเจรจา เนื่องจากเขมรเป็นฝ่ายที่เริ่มต้นเรื่องนี้ก่อน และสร้างความเสียหายให้กับประชาชนคนไทย จะให้จบง่ายๆ เหมือนมวยล้มคงไม่ได้ กัมพูชาต้องยอมรับว่าตนเองทำผิด ยอมรับว่าได้กระทำอาชญากรรมระหว่างประเทศ ไทยจึงจะพิจารณาเข้าสู่กระบวนการเจรจา เรื่องนี้ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการเจรจาตามสูตรของสหรัฐฯ เท่านั้น จะต้องคิดถึงสูตรของจีน ของอาเซียนด้วย

ท่วงทำนองของจักรภพน่าจะเป็นคำตอบเดียวกับรัฐบาลนั่นก็คือ ผลประโยชน์ทางการค้ากับผลประโยชน์ด้านอธิปไตยและดินแดน มันแลกกันไม่ได้ ทรัมป์ขู่เรื่องภาษีแต่จะให้แลกด้วยศักดิ์ศรี แลกด้วยการที่กัมพูชาจะได้ผยองว่าสามารถก้าวร้าวต่อไทยได้โดยไม่มีปฏิกิริยาสนองกรรมนั้น รัฐบาลและกองทัพไทยยอมไม่ได้ การที่ประเทศไทยจะไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ คนไทยต้องบาดเจ็บและเสียชีวิตฟรี รัฐบาลไม่สามารถทำได้ ถูกต้องแล้วที่ต้องย้ำว่า ศักดิ์ศรีของประเทศไทยต้องอยู่ในที่ที่เหมาะสม สิ่งที่เสียไปไม่ว่าจะเป็นชีวิต การงาน จิตใจจะต้องได้รับการชดใช้ มาถึงตรงนี้คงยืนยันได้ว่า ต้องซัดให้หมอบเสียก่อนแล้วค่อยว่ากัน

อรชุน

Back to top button