
วิ่งยาว 1,300 จุดไหม?
ดัชนีหุ้นไทยขึ้นมาแบบ“นัน-สต็อป” วานนี้บวก 17.51 จุด เช่นเดียวกับวันก่อนหน้านี้ปิดบวก 17.55 จุด และวันก่อนหน้า 11.07 จุด หรือรวม 3 วัน ดัชนีฯ เพิ่งขึ้นมาแล้ว 3.77%
ดัชนีหุ้นไทยขึ้นมาแบบ“นัน-สต็อป”
วานนี้บวก 17.51 จุด
เช่นเดียวกับวันก่อนหน้านี้ปิดบวก 17.55 จุด และวันก่อนหน้า 11.07 จุด
หรือรวม 3 วัน ดัชนีฯ เพิ่งขึ้นมาแล้ว 3.77%
ประเด็นที่น่าสนใจคือ หุ้นไทยที่ปรับขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค. 68 มาจนถึงวานนี้ มาพร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โดยเฉพาะในช่วง 7 วันที่ผ่านมา
มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท
หลัก ๆ มาจากกระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศที่ขนเงินเข้าซื้อหุ้นไทยมาต่อเนื่อง
มีการประเมินจากนักวิเคราะห์ไว้น่าสนใจ
นักวิเคราะห์ต่างมองกันว่า เงินฟันด์โฟลว์ที่เข้ามารอบล่าสุดนี้ จะเข้ามาต่อเนื่องในช่วงเดือนสิงหาคม 2568 นี้
เพราะดัชนีฯ ที่วิ่งขึ้นมาอย่างร้อนแรง
นั่นทำให้หุ้นไทยจะถูกเพิ่มน้ำหนักใน MSCI และ FTSE
และเมื่อมีการปรับเพิ่มน้ำหนักทั้ง 2 กระดานดัชนีระดับโลกดังกล่าว จะทำให้บรรดากองทุนต่างประเทศ ต้องซื้อหุ้นไทยตามขึ้นมาจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น
ช่วงที่หุ้นไทยขึ้นมาแบบที่อาจเรียกว่า นัน-สต็อป” นี้
แน่นอนว่า ย่อมมีคำถามเกิดขึ้นว่าแล้วดัชนีจะถูกดันไปถึงระดับใด
ล่าสุดมีการมองกันว่า แนวต้านแรกระยะสั้น น่าจะอยู่บริเวณ 1,275 จุด
ส่วนระยะถัดไป และเป็นแนวต้านระดับจิตวิทยาด้วย จะอยู่บริเวณ 1,300 จุด
ดัชนีหุ้นไทยที่ขึ้นมานี้ ทำให้ พี/อี ล่าสุด จากราคาปิดวานนี้ (1,264.47 จุด) อยู่ที่ 17.16 เท่า
และที่ระดับ P/BV 1.18 เท่า
สมมุติว่า หากดัชนีหุ้นไทยจะขึ้นมาที่ 1,300 จุด ซึ่งเมื่อคำนวณจากดัชนีปิดวานนี้ 1,364 จุด หรือเท่ากับว่า ดัชนีจะต้องขึ้นมาอีก 2.84%
ระดับดัชนี 1,300 จุด พี/อี หุ้นไทยจะขึ้นมาที่ 17.65 เท่า
ส่วน P/BV ขึ้นมาอยู่ที่ 1.21 เท่า
แต่ทั้งหมดนี้ต้องดูผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2568 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ออกมาเป็นอย่างไร
หากคิดคำนวณแบบคร่าว ๆ ในเบื้องต้น มีโอกาสที่กำไรน่าจะมากกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ เพราะหุ้นกลุ่มแบงก์ มีกำไรมากกว่าประเมินไว้เล็กน้อย
ส่วนหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ เช่น “ปูนซิเมนต์ไทย” หรือ SCC ที่รายงานผลกำไรงวดไตรมาส 2/68 มากกว่าคาดไว้ค่อนข้างมาก (กำไรพิเศษ)
เมื่อดูทั้งทางเทคนิค และ Fundamental
ลึก ๆ แล้ว หุ้นไทยยังมีลุ้นที่จะผ่าน 1,300 จุดขึ้นไปได้อย่างไม่น่าจะยากเย็นนัก
ยังมีมุมมองที่น่าสนใจเพิ่มเติมด้วย
โดยหุ้นที่ขึ้นมาในรอบนี้ จะแตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่มีเพียงหุ้นบิ๊กแคป 3-4 หุ้นเท่านั้นที่พาดัชนีขึ้นมา
แต่ครั้งนี้ หุ้นในกลุ่ม SET50 ต่างถูกไล่ซื้อกันค่อนข้างคึกคัก และต่างมีส่วนช่วยพาดัชนีขึ้นมา โดยเฉพาะหุ้นที่ถูกเรียกว่า หุ้นแถวสอง แถวสาม
หรือแม้กระทั่งหุ้นในกลุ่มธนาคาร ยังถูกดึงเข้ามาเล่นรอบ และช่วยหนุนดัชนีได้เช่นกัน
อ้อ! วานนี้ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เขามีการเผยดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (เดือนต.ค. 2568) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” (ช่วงค่าดัชนี 80-119) ที่ระดับ 81.06
กลุ่มนักลงทุนสถาบันอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง”
กลุ่มนักลงทุนบุคคล อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”
กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา”
หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดการแพทย์ ส่วนหมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การไหลเข้าของเงินทุน
และปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากสุด คือ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ