กลุ่มหุ้นเป้าฟันด์โฟลว์

หากนับจากวันที่ 6 มิ.ย. 68 ถึงวันที่ 8 ส.ค. 68 หรือ 30 วัน (ทำการ) ของตลาดหุ้นไทย นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิกว่า 2.04 หมื่นล้านบาท


หากนับจากวันที่ 6 มิ.ย. 68 ถึงวันที่ 8 ส.ค. 68 หรือ 30 วัน (ทำการ) ของตลาดหุ้นไทย

นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิกว่า 2.04 หมื่นล้านบาท

ส่วนวานนี้ที่มียอดขายสุทธิประมาณ 6.6 พันล้านบาท มาจากดีลบิ๊กล็อตของการซื้อขายหุ้น “ติดล้อ” หรือ TIDLOR เพราะหากตัดธุรกรรมที่ว่านี้ออก จะได้ยอดซื้อของต่างชาติประมาณ 1.4 พันล้านบาท

ดังนั้น เท่ากับว่าในช่วง 31 วัน ของตลาดหุ้นไทย ต่างชาติจะซื้อประมาณ 2.14 หมื่นล้านบาท

ในช่วงที่ต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยแบบต่อเนื่องนี้

ล่าสุด ทางตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) ได้ทำสรุปตัวเลขสัดส่วนการลงทุนของฟันด์โฟลว์ออกมา

จากการศึกษาข้อมูลการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.)จำนวน 854 บริษัท

พบว่า มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกว่า 13.43 ล้านล้านบาท

หรือคิดเป็น 97.89% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด (Total Market Capitalization)

และสรุปประเด็นสำคัญได้ คือ

ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย มีมูลค่ารวมประมาณ 4.43 ล้านล้านบาท คิดเป็น 32.99% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งตลาด

และหากเปรียบเทียบกับสิ้นปี 2567 พบว่า มูลค่าการถือครองหุ้นลดลง 24.13%

ซึ่งเป็นการลดลงตามราคาหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลดลง

สังเกตได้จากดัชนีหุ้นไทยที่ลดลง 22.19%

กลุ่มอุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก คือ

  • กลุ่มเทคโนโลยี
  • กลุ่มธุรกิจการเงิน
  • กลุ่มบริการ

การถือครองหุ้นทั้ง 3 กลุ่มอุตสาหกรรมมีมูลค่าการ ถือครองหุ้นรวม 3.34 ล้านล้านบาท คิดเป็น 75.39% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ

หมวดธุรกิจที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก คือ

  • หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON)
  • หมวดธนาคาร (BANK)
  • และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)

โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 มีมูลค่าถือครองหุ้นรวม 2.61 ล้านล้านบาท คิดเป็น 58.97% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ

72.9% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศเป็นการถือครองหุ้นที่อยู่ในองค์ประกอบของ MSCI Thailand Index ซึ่งมีสัดส่วนลดลงจาก 75.2% จาก ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 อันเป็นผลจากราคาหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงและการขายหุ้นเนื่องจากหุ้นของบริษัทจดทะเบียนบางบริษัทไม่ได้เป็นองค์ประกอบดัชนี ณ ช่วงเวลาที่ทำการศึกษา

นักลงทุนต่างประเทศที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 10 สัญชาติแรก พบว่า ยังคงเป็นสัญชาติและอันดับเดียวกันที่ว่านี้ออกมากับปีก่อน

โดยนักลงทุนจาก “สหราชอาณาจักร” มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด

ตามด้วยนักลงทุนจากสิงคโปร์ ฮ่องกง สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฝรั่งเศส และมอริเชียส

Back to top button