
ล่อมาทุบ?
อาการป้อแป้ของดัชนีในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาคือ สิ่งที่อีฉันกังวลมากสุด เพราะเหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า นักเล่นไม่พร้อมลุยไปข้างหน้า ทั้งที่ตลาดหุ้นทั่วโลกมีข่าวดีเข้ามาซัพพอร์ตเป็นระยะ
อาการป้อแป้ของดัชนีในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาคือ สิ่งที่อีฉันกังวลมากสุด เพราะเหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า นักเล่นไม่พร้อมลุยไปข้างหน้า ทั้งที่ตลาดหุ้นทั่วโลกมีข่าวดีเข้ามาซัพพอร์ตเป็นระยะ แต่ตลาดหุ้นไทยกลับเด้งรับข่าวดีอย่างจริงจังแค่ 2 เดือน แต่หลังจากนั้นกลายเป็นเรื่องที่ต้องไปวัดดวงกันเอาเองแบบนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่ทำให้อีฉันรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้เห็นหุ้นไทยย่อตัวลงแรงนะคะ
เนื่องจากภาพความหวังที่จะได้เห็นดัชนีขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,300 จุดในไม่ช้ามันเริ่มเลือนราง เพราะแกนหลักที่เป็นคนดันดัชนีขึ้นมาเรื่อย ๆ กลับกลายเป็นคนขายหลักในเวลานี้ “โมนิก้า” เลยเกิดอาการช็อกไปชั่วขณะเมื่อเห็นดัชนีทิ้งตัวลงอีกครั้ง ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,251.26 จุด ลบไป 11.41 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.91 หมื่นล้านบาทแบบนี้ มันเป็นภาพที่ขัดแย้งกับความรู้สึกก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง (ลดดอก หุ้นขึ้นแรง) ไงล่ะคะ
ที่สำคัญคือ เมื่อตลาดหุ้นไทยเริ่มแสดงรูปแบบให้นักเล่นสไตล์เทคนิคเห็นว่า ยอดใหม่ของการเด้งกลับ..ดันต่ำกว่ายอดครั้งก่อนเสียอย่างนั้น! อาจตีความได้ว่า ตลาดหุ้นกำลังเข้าสู่การแกว่งตัวลงรอบใหม่ โดยระหว่างทางจะมีการเด้งกลับให้เห็นเป็นช่วง ๆ ซึ่งจะทำให้ดัชนีเหวี่ยงตัวแรงขึ้นอย่างแน่นอน และจังหวะนี้จะเห็นการเข้ามาเล่นเก็งกำไรอย่างคึกคัก ซึ่งจะทำให้คนที่ “คิดช้า ทำช้า” เจอปัญหาอีกดอกนะจ๊ะ
ประเด็นดังกล่าวเทียบได้กับสถานการณ์ของหุ้น BH ที่ปรับตัวขึ้นจาก 140 บาท ขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่บริเวณ 194 บาทในช่วงต้นเดือน ส.ค. ต่อจากนั้นก็โรยตัวลงมาเรื่อย ๆ จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ระดับ 176.50 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือลงไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.78 พันล้านบาท “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติในแง่ของแรงซื้อที่ขาดตอน แถมหุ้นเริ่มทำโลว์ใหม่ให้เห็นในระหว่างอ่อนตัวลงแบบนี้..เสียวเหลือเกินจ้า!
เช่นเดียวกับในรายของปูนใหญ่ SCC ก็ออกอาการยืนระยะไม่ไหวให้เห็นแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นการบ้านที่นักเล่นต้องประเมินสถานการณ์กันเอาเองว่า เอาไงดี? เพราะราคาหุ้นเพิ่งย่อลงแรงเป็นวันแรก จึงมีเวลาประเมินสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เนื่องจากสตอรีที่ช่วยดันหุ้นก่อนหน้านี้มาจากเรื่อง ผลงานน่าจะเริ่มดีขึ้น ธุรกิจปิโตรเคมีฟื้นตัวแรง จึงทำให้การยืนปิดที่ระดับ 219 บาท ลบไป 7 บาท หรือลงไป 3.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.49 พันล้านบาท เสี่ยงไม่มากค่ะ
เม้าท์ถึงเรื่องความเสี่ยงขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอโฉบไปดูหุ้น MONO เพื่อชี้ให้เห็นการอ่อนตัวลงมาเรื่อย ๆ ทั้งที่ภาพของหุ้นถูกปูสตอรี่ด้วยเรื่องถ่ายทอดสดบอลอังกฤษ ซึ่งจะรายได้จำนวนมหาศาลให้กับบริษัท แต่เอาเข้าจริงกลับไม่เป็นเหมือนที่คาดหวัง จนราคาหุ้นแกว่งตัวในกรอบ 1.60-1.80 บาทเป็นเวลา 2 เดือน มันชวนให้คิดว่า การยืนปิดที่ระดับ 1.69 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 1.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 52 ล้านบาท น่าเล่นไหม?
ในเมื่อมาด้วยเรื่องที่ต้องคิด อีฉันก็อยากเม้าท์ถึงหุ้น BJC เพื่อชี้ให้นักเล่นเห็นการยืนปิดที่ระดับ 17.10 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 2.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 125 ล้านบาท ก็เป็นฐานเดิมที่เคยลงมาก่อนหน้านี้ ต่อจากนั้นก็เด้งกลับขึ้นไปแถว 20 บาท มันเป็นราคาที่น่าช้อนหุ้นไหม? และสถานการณ์ธุรกิจในไตรมาส 3 จะฟื้นตัวไหม? ล้วนเป็นประเด็นที่นักเล่นต้องกลับไปคิดกันเอาเอง เพราะเดี๊ยนไม่อยาก “พูดเอง เออเอง” พะยะค่ะ
ตบท้ายกันที่ข่าวดีของหุ้น ITEL กันดีกว่า เพราะการขายหุ้น PP ให้กับพันธมิตรใหม่อย่าง “SEAX Asia” ในราคาหุ้น 1.61 บาท เป็นจำนวน 628 ล้านหุ้น ซึ่งทำให้บริษัทได้เงินพันล้าน มันเหมือนเป็นการประกาศตัวอย่างชัดเจนว่า “พร้อมลุย พร้อมโต” อีฉันเลยมองว่า การขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1.63 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 10.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 69 ล้านบาท น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการขึ้นรอบใหม่กระมัง!..ลองไปคิดกันดูนะนายจ๋า
โมนิก้าและทีมงาน