3 ชาติปิโตรเอเชีย ผนึกกำลังดันมาร์จิ้น.!

จาก “ภาวะอุปทานส่วนเกินผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี” ทำให้อัตรากำไรบริษัทจดทะเบียนกลุ่มดังกล่าว ลดลงอย่างมาก ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว..!


จาก “ภาวะอุปทานส่วนเกินผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี” ทำให้อัตรากำไรบริษัทจดทะเบียนกลุ่มดังกล่าว ลดลงอย่างมาก ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว..!

เมื่อ 19 ส.ค. 2568 ที่ผ่านมา 3 บริษัทปิโตรเคมียักษ์ใหญ่ญี่ปุ่น Asahi Kasei, Mitsui Chemicals และ Mitsubishi Chemical ผนึกกำลังตั้งโครงการร่วม Setouchi Ethylene LLP เพื่อศึกษาการลดกำลังผลิตและการบรรลุ Carbon Neutrality ของโรงงาน Ethelene ในญี่ปุ่นตะวันตก ภายในปี 2573 จากกำลังผลิต 3 ราย รวมกันประมาณ 1.07 ล้านตันต่อปี (หรือ 0.5% ของกำลังผลิตโลก)

ก่อนหน้านี้ 10 บริษัทผู้ประกอบการปิโตรเคมีเกาหลีใต้ บรรลุข้อตกลงการปรับโครงสร้างธุรกิจ หมายรวมถึงการลดกำลังการผลิต (Cut Run) ผลิตภัณฑ์แนฟทา-แครกกิ้ง (naphtha-cracking) ลงอย่างมีนัยสำคัญ

ด้วยการลดกำลังการผลิต “แนฟทา-แครกกิ้ง” ลงระหว่าง 2.7-3.7 ล้านตันต่อปี หรือเท่ากับการลดกำลังผลิตลงมากถึง 25% จากกำลังผลิตรวมทั้งประเทศ ที่มีอยู่ 14.7 ล้านตัน โดย 10 ผู้ประกอบการดังกล่าว ต้องยื่นรายละเอียดแผนการลดกำลังการผลิตภายในสิ้นปีนี้

“หัวใจสำคัญกับการก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ คือการลดกำลังการผลิตและการฟื้นฟูความสามารถการแข่งขันขั้นพื้นฐาน”

เช่นเดียวกับช่วงปลายก.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลจีน เตรียมออกมาตรการปฏิรูปอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงกลั่นน้ำมันของประเทศ ด้วยการปิดโรงงานขนาดเล็ก, ยกระดับโรงงานที่ล้าสมัย พร้อมมีการโยกย้ายเงินลงทุนไปสู่อุตสาหกรรมที่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น

โดยรัฐบาลปักกิ่ง มีแผนออกมาตรการดังกล่าวช่วงกันยายนนี้ มีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาสินค้ามูลค่าต่ำที่ล้นตลาดในบางส่วนของภาคอุตสาหกรรม สำหรับรายละเอียดของแผนปฏิรูป กำลังอยู่ช่วงรอการอนุมัติขั้นสุดท้าย จากกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีน

เบื้องต้นรายละเอียดมาตรการโรงงานปิโตรเคมีที่มีอายุมากกว่า 20 ปีหรือประมาณ 40% ของโรงงานปิโตรเคมีประเทศจีน ต้องได้รับการปรับปรุงยกระดับใหม่ เพื่อเพิ่มผลการผลิต นอกจากนี้ผู้ประกอบการโรงงานเหล่านี้จะได้รับการส่งเสริมให้หันไปผลิตสารเคมีเฉพาะทางมากขึ้น แทนการเป็นผลิตภัณฑ์ที่เสี่ยงต่อภาวะล้นตลาด

สำหรับปิโตรเคมี ที่จะได้รับการสนับสนุนมาตรการการลงทุนนี้จะเป็นวัสดุที่ใช้ภาคอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI), หุ่นยนต์, ชิปคอมพิวเตอร์, อุปกรณ์ชีวการแพทย์, แบตเตอรี่และพลังงานสะอาด

ช่วงหลายปีที่ผ่านมารัฐบาลจีน พยายามควบคุมผลผลิตจากโรงกลั่นในประเทศ ส่วนหนึ่งเพื่อควบคุมอุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษสูงและลดความเสียหายต่ออัตรากำไร ขณะเดียวกันเพิ่มการนำเข้าน้ำมันดิบ โดยปี 2568 จีนตั้งเป้าไว้ว่าจะจำกัดการกลั่นน้ำมันไว้ระดับ 1,000 ล้านตันต่อปี

จากปรากฏการณ์ดังกล่าว น่าจะทำให้หุ้นปิโตรเคมีไทย มีโอกาสฟื้นตัว จากส่วนต่างราคา (Spread) ที่ปรับเพิ่มขึ้น และการขยายตัวของยอดขายอย่างมีนัยสำคัญ..!?

Back to top button