ITEL เสือติดปีก.!

ปกติข่าวการเพิ่มทุนของบริษัทจดทะเบียนมักเป็นยาขมหม้อใหญ่ของนักลงทุน...เนื่องจากจะเกิดไดลูชั่น เอฟเฟกต์กับผู้ถือหุ้นเดิมตามมา...


ปกติข่าวการเพิ่มทุนของบริษัทจดทะเบียนมักเป็นยาขมหม้อใหญ่ของนักลงทุน…เนื่องจากจะเกิดไดลูชั่น เอฟเฟกต์กับผู้ถือหุ้นเดิมตามมา…แต่กรณีบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL กลับสวนทางกันแฮะ…

เพราะหลังจากประกาศเพิ่มทุน 628 ล้านหุ้น โดยเป็นลักษณะการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง หรือ PP ให้กับ SEAX Asia Pte. Ltd. (บริษัทลูกของ SEAX Global Pte. Ltd.) ที่ราคาหุ้นละ 1.61 บาท รวมมูลค่า 1,011.08 ล้านบาท

ซึ่งจะทำให้ SEAX Asia ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ในสัดส่วน 31.14% ทันที…

แต่ราคาหุ้น ITEL เมื่อวันอังคารที่ 26 ส.ค. 2568 แทนที่จะปักหัวลง กลับพุ่งพรวดไป 10.88% ปิดตลาดที่ระดับ 1.63 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 69.73 ล้านบาท

ถ้าให้วิเคราะห์อาจเป็นเพราะการเพิ่มทุนของ ITEL ครั้งนี้ แตกต่างจากการเพิ่มทุนของหลาย ๆ บริษัท ที่มักจะนำเม็ดเงินไปใช้หนี้ ไปใช้รักษาสถานะทางการเงิน หรือแก้ปัญหาเครื่องหมาย C 

แต่วัตถุประสงค์ของ ITEL ชัดเจนว่า เป็นการเพิ่มทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจ ดึง SEAX Global มาเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์  หรือ Strategic Partner เลยทำให้เกิดแรงกดดันน้อยกว่า เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นที่เพิ่มทุน…

ขณะที่การเพิ่มทุนครั้งนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ ITEL ก็ว่าได้ เนื่องจากบริษัทแม่อย่างบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK ยอมลดสัดส่วนการถือหุ้นลงมา จากเดิมถืออยู่ 49.12% ลดลงมาเหลือถือแค่ 33.82% ซึ่งใกล้เคียงกับ SEAX Asia ที่จะเข้ามาถือในสัดส่วน 31.14%

แต่ในประเด็นนี้ ไม่ต้องกังวลไป เพราะ ITEL มีไม้เด็ดตรงที่ตอนนี้มีใบสำคัญแสดงสิทธิหรือวอร์แรนต์ 2 ชุด ได้แก่ วอร์แรนต์ ITEL-W5 ที่ยังคงเหลือ 276.94 ล้านหน่วย จะหมดอายุในวันที่ 27 มิ.ย. 2569 และวอร์แรนต์ ITEL-W6 จำนวน 346.17 ล้านหน่วย จะหมดอายุในวันที่ 27 มิ.ย. 2571

แน่นอนว่า SEAX Asia ไม่ได้รับจัดสรรวอร์แรนต์ดังกล่าว นั่นหมายความว่าหลังจากมีการแปลงวอร์แรนต์แล้ว จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของ SEAX Asia ไดลูทลง

งั้นสบายใจได้ว่า ILINK ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ITEL แหละ…

ขณะที่ดูโปรไฟล์ของกลุ่ม SEAX Global ก็ไม่ธรรมดา เป็นผู้ให้บริการโซลูชันการเชื่อมต่อแบบปรับแต่ง (Customized Connectivity Solutions) โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการมีสิทธิในการนำสายเคเบิลใต้น้ำขึ้นฝั่งในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย

การได้ SEAX Global มาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจผ่านการลงทุนของ SEAX Asia ก็จะช่วยให้ ITEL สามารถขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาคได้ เนื่องจาก SEAX Global มีทั้งสิทธิการเชื่อมโยงระหว่างประเทศและระบบเคเบิลใต้น้ำ ซึ่งจะช่วยยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้ากลุ่ม Hyperscaler และ OTT ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  

อีกทั้งยังสามารถขายวงจรระหว่างประเทศทั้งในรูปแบบ IRU และ Lease ให้แก่ OTT, Carrier และลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งจะเป็นรายได้แบบ recurring ในระยะยาวได้อีกด้วย

ที่สำคัญทำให้มีเงินทุนก้อนโตเข้ามาเติมสภาพคล่องภายในระยะเวลาอันสั้น โดยไม่มีต้นทุนดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้ ITEL มีความคล่องตัวทางการเงินและสามารถนำเงินที่ได้ไปขยายธุรกิจ การลงทุน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน 

โดยเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนนั้น ก้อนแรกจำนวน 600-650 ล้านบาท จะนำไปลงทุนโครงข่าย Cross-Border, Submarine Cable และ DWDM เชื่อมต่อภูมิภาคในพื้นที่ประเทศไทยกับโครงข่ายของ SEAX Global ในต่างประเทศ ภายในไตรมาส 4/2568 ถึงปี 2570 ส่วนอีกก้อน 360-400 ล้านบาท ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ภายในไตรมาส 1/2569 ถึงปี 2570

งั้น ITEL ก็ไม่ต่างจากเสือติดปีกนะสิ.!! ต่อไปน่าจะเห็นการเติบโตมากขึ้นละมั้ง

ถือเป็นการยอมเสีย…เพื่อให้ได้ที่มากกว่าว่างั้น..!!

คงต้องบอกว่า ดีลนี้คุ้มจริง ๆ ยิ่งกว่าคุ้มคุ้มทุกสิ่ง คุ้มยิ่งกว่าซื้อแฟลตปลาทองอีกนะเนี่ย…

หรือใครจะเถียง..!?

…อิ อิ อิ…

Back to top button