
พาราสาวะถี
การบ้านและการเมืองถูกขีดไว้ให้ต้องเดินตามแนวทางที่กำหนดโดยกลไกของเผด็จการสืบทอดอำนาจ เป็นที่ถูกใจของฝ่ายอนุรักษ์นิยม
การบ้านและการเมืองถูกขีดไว้ให้ต้องเดินตามแนวทางที่กำหนดโดยกลไกของเผด็จการสืบทอดอำนาจ เป็นที่ถูกใจของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ขณะที่พรรคการเมืองที่นำพาตัวเองเข้าไปสนับสนุนการเข้าสู่อำนาจของตัวแทนโดยตรงของฝ่ายขวาสุดขั้ว อย่างพรรคประชาชน จนถึงเวลานี้ดูเหมือนจะอยู่ใน ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เป้าหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญบรรลุตามที่อยากให้เป็น แต่เป็นไปตามที่ต้องการหรือไม่ยังเป็นเครื่องหมายคำถามตัวโต
เห็นภาพการทำงานเป็นปี่เป็นขลุ่ยระหว่าง อนุทิน ชาญวีรกูล กับ บรรดาเหล่าผู้มีอำนาจฝ่ายข้าราชการประจำ โดยเฉพาะผู้นำเหล่าทัพทั้งหลาย บอกอะไรได้หลายอย่าง ไม่ใช่เพราะแผลที่ถูกเปิดจากคลิปเสียงของ แพทองธาร ชินวัตร ที่คุยกับ ฮุน เซน ผลักให้แม่ทัพภาคที่ 2 ไปเป็นฝ่ายตรงข้าม ซึ่งย่อมส่งผลต่อความหวาดระแวงของคนมีสีต่อการอยู่ในอำนาจต่อไปของเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร หากแต่เป็นเรื่องแผนที่วางกันไว้ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมต้องให้เนื้อแท้ของอนุรักษ์นิยมได้เป็นผู้กุมอำนาจบริหาร
การที่มีคนกังขาว่า รู้อยู่แล้วเป็นรัฐบาลแค่ 4 เดือน เสี่ยหนูจะเข้ามาทำไม บอกไว้ตั้งแต่วันที่มีการถอนตัวร่วมรัฐบาลแพทองธารแล้ว ยังไงก่อนการเลือกตั้งครั้งใหม่พรรคสีน้ำเงินจะต้องกลับมาเป็นรัฐบาล ไม่มีทางที่จะไปสู่สนามเลือกตั้งในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ยิ่งสถานะของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเปลี่ยนไป ยิ่งทำให้พลังในการดึงดูดของพรรคเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เพียงแต่ยังไม่มากพอที่จะย่อยสลายหรือจูงใจให้คนของพรรคนายใหญ่เปลี่ยนสีเสื้อมาเข้าร่วมเท่านั้น
การลงพื้นที่ชายแดนหลังทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ ที่เลือกไปสุรินทร์และบุรีรัมย์ เป็นไปตามคาด นี่คือเป้าหมายในการปักธงของพรรคสีน้ำเงินที่ทางอาจารย์ใหญ่พยายามจะขยายฐานกินรวบเก้าอี้ สส.แบบยกจังหวัดทุกจังหวัดของอีสานใต้ นอกเหนือจากบุรีรัมย์ที่สามารถกุมสภาพได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว ดังนั้น สถานการณ์ของเพื่อไทยที่จะต่อกรกับทั้งพรรคส้มและพรรคน้ำเงิน จึงขึ้นอยู่กับสภาพการพร้อมสู้ของทักษิณและครอบครัวชินวัตร
การหาทายาททางการเมืองเพื่อเรียกความเชื่อมั่นเป็นโจทย์ใหญ่ประการหนึ่ง แนวนโยบายที่จะมาขายเรียกความนิยมจากประชาชน ยังมีมุกใหม่อะไรอีกหรือไม่ หลังจากที่เข้ามาบริหารประเทศเกือบ 2 ปีแล้ว ไม่มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นั่นย่อม เป็นจุดอ่อนสำคัญที่จะถูกคู่แข่งรุมสหบาทา แต่เชื่อได้ว่าปมตรงนี้ก็จะมีการพลิกแนวต่อสู้ด้วยการชี้ให้เห็นถึงความไม่ปกติที่ถูกต่อต้าน จ้องจะสอยตลอดระยะเวลาของการทำงาน ซึ่งต้องไม่ลืมด้วยว่า อีกด้านก็จะถูกตีโต้ด้วยข้อกล่าวหาเหลิงอำนาจ และตัดไม่ขาดจากผลประโยชน์ส่วนตัวด้วย
ประการสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่น และทำให้สมาชิกโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ สส.ของพรรคนายใหญ่ไม่ทิ้งพรรค หนีไม่พ้น สภาพของทักษิณในฐานะนักโทษเด็ดขาดชายจะถูกจัดวางไว้ตรงไหน เมื่อถึงเวลาใกล้จะเลือกตั้ง นาทีนี้ต้องรอดูเรื่องการ ขอพระราชทานอภัยโทษที่เจ้าตัวได้ยื่นผ่านกระบวนการ โดยถูกตีกลับมาจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมายังกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคนใหม่ได้ดำเนินการพิจารณาอีกครั้ง
หากมองไปยังความสัมพันธ์ระหว่างพรรคแกนนำรัฐบาลปัจจุบันกับนายใหญ่ ย่อมมีคำตอบอยู่ในตัวว่าบทสรุปจะลงเอยอย่างไร สิ่งที่ พงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม ตอบคำถามนักข่าวที่ว่า ทักษิณสามารถยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษครั้งที่ 2 ได้จริง เพราะเคยมีการยื่นถวายฎีกาฯ ขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายไปเมื่อปี 2566 แต่ตอนนี้ปี 2568 ถือว่าพ้น 2 ปี จึงสามารถยื่นขอทูลเกล้าฯ ได้ นั่นเป็นเชิงหลักการ เพราะมีประโยคต่อท้ายมาว่า แต่ต้องดูรายละเอียดอย่างอื่นประกอบด้วย
ขณะที่ล่าสุด มีการเผยแพร่เอกสารลับจำนวน 11 หน้า ลงนามโดย พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคนก่อน เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมาต่อกรณีนี้ โดยสาระสำคัญคือ กระทรวงยุติธรรมพิจารณาแล้ว ขอเรียนว่า นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณได้ยอมรับคำพิพากษาของศาลฎีกาโดยยินยอมเดินทางกลับมารับโทษ และมีคุณงามความดีขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยดำเนินการโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนหลายโครงการ
แต่อย่างไรก็ดี เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งคดีหมายเลขแดงที่ บค 1/2568 ลงวันที่ 9 กันยายน 2568 ให้จำคุก นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ 1 ปี จึงเห็นควรยกฎีการายนี้ตามที่กรมราชทัณฑ์เสนอ จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา และนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทในโอกาสอันควร กรณีนี้มองได้ 2 ทางคือ เป็นมารยาทของรัฐมนตรีที่จะพ้นตำแหน่งไม่ควรเห็นชอบในประเด็นร้อนเช่นนี้ หรือเห็นว่าไม่สมควรจริง แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดใหม่มาพิจารณาแทน
แนวโน้มหากดูจากท่วงทำนองของปลัดกระทรวงยุติธรรมบทสรุปของเรื่องนี้ น่าจะเป็นไปอย่างที่นักข่าวตั้งคำถามนั่นก็คือ “โทษทัณฑ์เห็นควรเหมาะสมแล้ว” หรือ “ไม่เห็นควรอภัยโทษ” การที่นายใหญ่ถูกจำกัดบทบาท จริงอยู่ที่ว่ามีตัวแทนที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับเหล่าสมาชิกได้ มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่เพื่อไทยอาจปลอบใจตัวเองทำนอง การเดินเข้าคุกของทักษิณอาจส่งผลดีในการเลือกตั้งก็เป็นได้ ไม่ว่าจะออกมาแบบไหน ถึงตรงนี้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมต่างพากันยิ้มกริ่ม เลือกตั้งครั้งหน้าจากที่จะช่วงชิงกันแค่พรรคส้มกับพรรคสีแดง เป็นพรรคน้ำเงิน มาแรงก้าวมาอยู่ในระดับเบียดแย่งแซงได้
อรชุน