
พาราสาวะถี
ไม่ใช่ความจำเป็นเร่งด่วนต่อการที่จะสร้างรั้วชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ใครที่ประกาศว่าจะเดินหน้าเริ่มจุดนั้นจุดนี้ได้ทันที เป็นคำพูดเพื่อสร้างความนิยม เรียกเสียงสนับสนุนจากคนที่แห่แหนตามกระแสเท่านั้น
ไม่ใช่ความจำเป็นเร่งด่วนต่อการที่จะสร้างรั้วชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ใครที่ประกาศว่าจะเดินหน้าเริ่มจุดนั้นจุดนี้ได้ทันที เป็นคำพูดเพื่อสร้างความนิยม เรียกเสียงสนับสนุนจากคนที่แห่แหนตามกระแสเท่านั้น ความจริงเป็นไปตามที่ พลโทวีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 บอก การสร้างรั้วในพื้นที่แนวชายแดนในความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 มีทั้งพื้นที่ที่จัดระเบียบเขตแดนแล้วทั้ง 29 หลัก แต่ยังมีบางพื้นที่ที่ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน จึงต้องไปดูว่าจุดไหนที่เห็นตรงกันแล้วจึงจะสามารถก่อสร้างได้
เห็นด้วยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ว่า บางพื้นที่ที่สร้างไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องสร้าง และต้องดูในความปลอดภัย รวมถึงเงื่อนไขและข้อตกลงร่วมกัน ทุกอย่างต้องทำเป็นขั้นตอน ไม่ใช่เกรงว่าจะทำให้เขมรเดือดร้อน มาถึงตรงนี้ คงไม่มีใครทานกระแสความต้องการของประชาชนที่อยากให้ปิดทางการคบค้าสมาคมกับฝ่ายที่ไว้ใจไม่ได้อย่างถาวร แต่ต้องมองไปยังแง่ของความเป็นจริง หลายพื้นที่ซึ่งยังมีข้อพิพาทหรือการอ้างสิทธิ์ หากไปสร้างกำแพงก็เท่ากับการยกพื้นที่นอกกำแพงที่สร้างให้เขมรไปโดยปริยาย
ความน่าสนใจของปัญหาว่าด้วยการรุกล้ำอธิปไตยของประเทศไทยเวลานี้ ไม่ใช่พื้นที่ 11 จุดซึ่งกองทัพภาคที่ 2 จัดวางกำลังทหารเฝ้าระวังอยู่หน้าแนวในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสาน หากแต่เป็น บริเวณบ้านหนองจาน กับบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ต่างหาก ที่ชัดเจนว่ากัมพูชาใช้วิธีการให้ชาวเขมรปักหลักอยู่ในพื้นที่ซึ่งเป็นอธิปไตยของประเทศไทย พร้อมเผชิญหน้าถึงขั้นประกาศว่า ยอมตายหากถูกผลักดันให้ออกจากพื้นที่
กรณีนี้ต้องดูท่าที ปฏิกิริยาของ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีที่สวมหมวกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งต้องดูงานด้านการปกครอง เห็นชัดว่าผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วประกาศขีดเส้นให้ชาวเขมรในสองหมู่บ้านอพยพออกจากพื้นที่ พร้อมขีดเส้นใต้ไว้ภายใน 10 ตุลาคมนี้ แต่เสี่ยหนูบอกว่าต้องคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนด้วย ไม่รู้ว่าจะสร้างความอึดอัดให้กับฝ่ายความมั่นคงซึ่งในที่นี้ก็คือกองทัพภาคที่ 1 หรือไม่
เนื่องจาก พลโทวรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะประธานคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา RBC ด้านกองทัพภาคที่ 1 ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด ถึงผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 5 ของกัมพูชา เรื่องการประชุม RBC สมัยพิเศษด้านภูมิภาคทหารที่ 5 กับกองทัพภาคที่ 1 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 ตุลาคม 2568 รวม 3 วัน โดยครั้งนี้ฝ่ายกัมพูชา เป็นเจ้าภาพ ณ จังหวัดบันเตียเมียนเจย โดยมี พลโทแอก ชอมโอน รองผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 5 และแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นประธานการประชุมร่วมด้วย
แม่ทัพภาคที่ 1 ระบุในหนังสือดังกล่าวว่า กองทัพภาคที่ 1 ขอให้ภูมิภาคทหารที่ 5 จัดทำแผนอพยพประชาชนชาวกัมพูชาในพื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว และ บ้านตาพระยา อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว รวม 3 พื้นที่ โดยส่งแผนการอพยพฯ ให้กองทัพภาคที่ 1 ภายในวันที่ 7 ตุลาคม 2568 พร้อมทั้งเสนอในการประชุม RBC ในครั้งนี้ จึงจะเข้าร่วมการประชุม และมอบหมายให้ พันตรีสรายุทธ์ จันทรประยงค์ ผู้ช่วยนายทหารฝ่ายยุทธการ กองทัพภาคที่ 1 เป็นผู้ประสานงาน
นั่นหมายความว่า หากอีกฝ่ายไม่มีท่าทีตอบรับเรื่องนี้ การประชุมดังว่าก็มีอันต้องเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด และเมื่อประเมินจากสถานการณ์ของอีกฝ่ายก็พบว่า ไม่น่าจะต้องสนองต่อข้อเสนอครั้งนี้ของแม่ทัพภาคที่ 1 การที่ฝ่ายความมั่นคงขับเคลื่อนแนวทางที่หนักแน่นเช่นนี้ ย่อมส่งผลต่อการตัดสินใจของฝ่ายบริหารด้วยว่าจะสนับสนุนเพื่อให้เกิดการผลักดันคนเขมรที่รุกล้ำอธิปไตย หรือจะอ้างเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งคนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนไทยในพื้นที่ ย่อมมีข้อกังขา จะปล่อยให้คนเหล่านี้สร้างปัญหาในพื้นที่ต่อไปเช่นนั้นหรือ
ขณะเดียวกัน ทางด้านกองทัพภาคที่ 2 แม่ทัพภาค 2 ได้เปิดเผยว่า การประชุม RBC ไทย – กัมพูชาด้านกองทัพภาคที่ 2 กับภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา ต้องเลื่อนออกไปก่อน ด้วยเหตุที่ว่า ฝ่ายเขมรยังไม่ตอบกลับข้อเสนอของไทยในการถอนกำลังพล การเก็บกู้ทุ่นระเบิด ในพื้นที่ที่มีปัญหาการเผชิญหน้ากันอยู่ ทั้งที่ การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปหรือจีบีซี ที่ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ ไปร่วมประชุมที่เกาะกง เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกลาโหม เขมรตอบตกลงข้อเสนอเหล่านี้ดิบดี
นี่คือบทพิสูจน์ เขมรไว้ใจไม่ได้ เหมือนที่บรรดาแม่ทัพนายกองของไทยต่างรู้ซึ่งถึงเรื่องนี้ได้ แน่นอนว่า เรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดนั้น เหตุผลที่เขมรไม่ยอมรับข้อเสนอ เพราะไทยต้องมีการกำหนดพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่ไทยเห็นว่ามีทุ่นระเบิดวางใหม่จากการสู้รบที่ผ่านมา ซึ่งการทำแผนเก็บกู้ทุนระเบิดจะต้องทำให้ละเอียด แผนเก็บกู้ทุนระเบิดเดิมก็ต้องมีการรื้อใหม่ เนื่องจากพบว่ามีการวางทุ่นระเบิดใหม่ทับไปแล้ว ซึ่งจุดที่มีการวางทุ่นระเบิดใหม่ก็ต้องมาดำเนินการสำรวจ ตั้งแต่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี จนถึงบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ตลอดแนว เพราะเป็นพื้นที่สู้รบกว่า 363 กิโลเมตร
จะเห็นได้ว่าการจัดการปัญหาชายแดนที่มีข้อพิพาทกับเขมรนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ภาพการลงพื้นที่ของเสี่ยหนูอาจได้เห็นแอ็คชั่นความจริงจัง เอาใจใส่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ ซื้อใจบรรดาเหล่าผู้นำกองทัพ และได้ใจประชาชนในพื้นที่เป้าหมายฐานเสียงสำคัญ แต่การดำเนินการเชิงยุทธวิธีต้องมีความชัดเจน ซึ่งจะเห็นได้ว่าเวลานี้เขมรมีการส่งโดรนไปสำรวจพื้นที่ที่มีการวางกำลังของทหารไทยแทบทุกจุดอย่างมีนัยสำคัญ รัฐบาลต้องร่วมประเมินสถานการณ์กับกองทัพเพื่อ วางแผนและตัดสินใจกันให้เด็ดขาด ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายลงมือก่อนเหมือนที่ผ่านมา
อรชุน