‘เวียดนาม’ กับมุมมอง ‘ซิตี้ กรุ๊ป’

รายงานจากฝ่ายวิจัยซิตี้กรุ๊ป ระบุว่า การเติบโตของ GDP เวียดนามจนถึงไตรมาส 3/68 สร้างความประหลาดใจเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง


รายงานจากฝ่ายวิจัยซิตี้กรุ๊ป ระบุว่า การเติบโตของ GDP เวียดนามจนถึงไตรมาส 3/68 สร้างความประหลาดใจเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์เหล่านี้ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัว จากการเร่งส่งออกสินค้า ก่อนที่จะโดนขึ้นภาษีจากสหรัฐฯ จากการเติบโตหลายภาคส่วนและการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ทำให้ “ซิตี้ กรุ๊ป” ประมินว่า GDP ของเวียดนาม ยังสามารถขยายตัวได้ประมาณ 8% ช่วงปี 2569

อย่างไรก็ดี “ซิตี้ กรุ๊ป” ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงต่อการเติบโต โดยเฉพาะเรื่องไม่แน่นอนด้านนโยบายของสหรัฐฯ, ภาวะเงินเฟ้อและความเสี่ยงในภาคธนาคารเวียดนาม..!!

ช่วงไตรมาส 3/68 GDP เวียดนาม ขยายตัว 8.23% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า ที่เพิ่งจะถูกปรับเพิ่มขึ้นเป็น 8.2% และสูงกว่า 7.6% ที่ฝ่ายวิจัยซิตี้คาดการณ์ไว้ โดยการเติบโตดังกล่าว ครอบคลุมทุกภาคส่วน เช่น ภาคการผลิตเติบโต 10%, ภาคค้าปลีก-ค้าส่งเติบโต 9%, ภาคการก่อสร้างเติบโตอัตราใกล้เคียงกัน สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งกับภาคการลงทุน..!!

ส่วนรายละเอียดด้านการใช้จ่าย พบว่า พฤติกรรมการบริโภคในเวียดนาม (เติบโต 8%) ขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันการบริโภคขั้นสุดท้ายขยายตัวขึ้น 8% ติดต่อกัน 2 ไตรมาส ส่งผลให้การเติบโตของ GDP สะสมจนถึงไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 7.8% ต่อปี

ตัวเลขการส่งออกของเวียดนามจนถึงช่วงเดือนกันยายน ยังไม่ชะลอลงด้วย สนับสนุนมุมมองของซิตี้ กรุ๊ป ที่มองว่า ส่วนแบ่งทางตลาดของสินค้าเวียดนามในสหรัฐฯ มีลักษณะเชิงโครงสร้าง โดยซิตี้กรุ๊ป คาดว่าผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นยางิ เมื่อปีที่ผ่านมา อาจนำไปสู่ผลกระทบฐานต่ำ ที่ผลักดันให้การส่งออกโดยรวมช่วงเดือนกันยายนเติบโตขึ้น 25% เมื่อเทียบกับสิงหาคมที่ผ่านมา มูลค่าส่งออกโดยรวมลดลงเพียง 1.6%

แต่การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไปยังสหรัฐฯ กลับขยายตัวขึ้นเล็กน้อย รายงานเหล่านี้สวนทางกับการส่งออกที่ชะลอตัวลงในหลายประเทศอาเซียน เป็นผลจากการเร่งส่งสินค้าไปยังตลาดสหรัฐฯ ช่วงครึ่งแรกปี 2568

“ซิตี้ กรุ๊ป” ตอกย้ำว่าส่วนแบ่งทางตลาดสินค้าเวียดนามในสหรัฐฯ นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน อาจมีความเป็นโครงสร้างหรือถาวรได้ โดยได้รับแรงหนุนจากการโยกย้ายฐานผลิตเข้าสู่เวียดนามอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่รัฐบาลเวียดนาม คาดว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่รับรู้แล้วช่วง 9 เดือนแรกงปี 2568 จะเติบโตขึ้น 8.5% โดยไตรมาส 2/68 เม็ดเงินจาก FDI ที่เข้าเวียดนาม อยู่ที่ 4.4% ของ GDP สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 4.3%

ทว่า “เวียดนาม” ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงนโยบายการค้าต่างประเทศที่ผันผวนอยู่ตลอดเวลาอัตราเงินเฟ้อที่ฉุดดีมานด์ลง และความเสี่ยงสะสมในระบบการเงินของประเทศ แม้ว่า “ซิตี้ กรุ๊ป” มองว่าเศรษฐกิจโลก อาจชะลอตัวลงระยะสั้น แต่การที่เวียดนาม ต้องพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนในการกำหนดนิยามของสินค้าสวมสิทธิ์ อาจส่งผลให้สินค้าส่งออกส่วนใหญ่ของเวียดนามต้องเผชิญกับปัญหาภาษีนำเข้าสูง

ด้วยอัตราเงินเฟ้อในประเทศยังอยู่ในกรอบ แต่แรงกดดันอาจเกิดขึ้นได้ ท่ามกลางสินเชื่อที่เพิ่มมากขึ้นและอาจส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น..!!!

ทีมข่าวต่างประเทศ

Back to top button