
‘คลัง’ รีดภาษีนำเข้าสินค้าออนไลน์.!
จากการสนองนโยบาย Quick Big Win ของกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง เพื่อมุ่งเน้นการกระตุ้นให้เกิดการค้าควบคู่กับการปกป้องสังคม
เส้นทางนักลงทุน
จากการสนองนโยบาย Quick Big Win ของกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง เพื่อมุ่งเน้นการกระตุ้นให้เกิดการค้าควบคู่กับการปกป้องสังคม และยกระดับประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของรัฐ ว่าด้วยเรื่อง 1) การใช้มาตรการทางศุลกากรเพื่อกระตุ้นให้เกิดการค้า เช่น ปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้า-ส่งออก การปรับกระบวนการตรวจสินค้า ส่งเสริมการขนส่งสินค้าทางรถไฟ ปรับปรุงพิธีการถ่ายลำและผ่านแดน รวมถึงเปิดโอกาสให้ไอซีดีตรวจปล่อยสินค้าขาออกได้โดยตรง
2) การปกป้องสังคมจากสินค้าผิดกฎหมาย การลงนาม MOU กับแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อควบคุมการจำหน่ายของผิดกฎหมาย และ 3) การจัดเก็บรายได้ของรัฐอย่างเป็นธรรม จากเดิมมุ่งเน้นเฉพาะการจัดเก็บอากร ไปสู่การจัดเก็บภาษีทุกประเภทอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต ภาษีเพื่อมหาดไทย หรือภาษีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
นั่นจึงเป็นสารตั้งต้นให้กรมศุลกากรตั้งโต๊ะแถลงข่าวโดย พันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร ด้วยการประกาศเดินหน้าตามนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาลให้เห็นผลภายใน 4 เดือน
หนึ่งในนั้นคือการเดินหน้า “จัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าที่สั่งซื้อบนแพลตฟอร์มออนไลน์” ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1 บาทแรก เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 หลังจาก ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง รับทราบแนวทางการดำเนินงานแล้ว
ไฮไลต์อยู่ที่วันนี้ (7 พ.ย.) จะมีการประชุมกับ Shopee และ Lazada เพื่อเตรียมความพร้อมการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าที่สั่งมาจากร้านที่ตั้งอยู่ต่างประเทศ ขณะที่การสั่งซื้อสินค้าจากแพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ๆ เช่น Tiktok, eBay, และ Amazon ต้องเสียภาษีนำเข้าตั้งแต่บาทแรกเหมือนกัน พร้อมขอความร่วมมือให้ช่วยตรวจสอบไม่ให้นำสินค้าที่ไม่มีใบอนุญาต เพื่อป้องกันไม่ให้นำสินค้าไม่ได้มาตรฐานมาจำหน่ายตั้งแต่ต้นทาง เช่น ไม่มีมาตรฐาน มอก.ห้ามขายทางออนไลน์
สำหรับการดำเนินการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าที่สั่งซื้อบนแพลตฟอร์มออนไลน์ จะส่งผลให้สินค้าที่สั่งซื้อจากแพลต ฟอร์มออนไลน์ เช่น Shopee และ Lazada กับร้านที่ตั้งอยู่ต่างประเทศจะต้องเสียภาษีนำเข้า บวกภาษีมูลค่าเพิ่ม
จากก่อนนี้มีการยกเว้นภาษีนำเข้ากับสินค้าราคาไม่เกิน 1,500 บาท เก็บเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างเดียว เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการแข่งขันให้ผู้ค้าคนไทยในประเทศที่เสียภาษีถูกต้อง ให้แข่งขันกับร้านค้าต่างประเทศ ก่อนหน้านี้เสียแค่ภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า
ส่วน “วิธีการคิดภาษี” หากเป็นการซื้อสินค้าทางร้านออนไลน์ที่อยู่ต่างประเทศ จะต้องเสียภาษีนำเข้าตามพิกัด เช่น หากมีอากร 10% ต้องเสียภาษี จากนั้นจะมาคิดภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% โดยผู้ให้บริการแพลตฟอร์มผู้ค้า หรือผู้ให้บริการขนส่งจะเป็นคนดำเนินการ เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่กรมศุลกากรเคยเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสินค้าต่ำกว่า 1,500 บาทแล้ว จะไม่เป็นภาระแก่ประชาชนที่จะต้องมาเสียภาษีเพิ่มเติม
ขณะที่กรณีสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ผ่าน Shopee หรือ Lazada กับร้านค้าที่ตั้งอยู่ในไทยอยู่แล้วจะไม่เกี่ยวข้อง และไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าเพิ่มแต่อย่างใด เพราะผู้ประกอบการเป็นคนเสียภาษีไปแล้ว
“การเก็บภาษีนี้ กรมศุลกากรไม่ต้องแก้กฎหมายเพิ่มเติมอะไร เพราะก่อนหน้านี้มีประกาศยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าที่ต่ำกว่า 1,500 บาทอยู่แล้ว แต่การยกเว้นจะหมดเขต 31 ธ.ค.นี้ ดังนั้นกรมศุลกากรจะไม่มีการต่ออายุ นั่นเท่ากับว่าจะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าตั้งแต่บาทแรกได้ทันที”
วิธีการจัดการจะทำเหมือนกับสหรัฐอเมริกา ที่เคยยกเลิกการยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าออนไลน์ที่มีมูลค่าต่ำไปแล้ว เพื่อปกป้องผู้ค้าในประเทศ และเป็นเมกะเทรนด์ที่ทั่วโลกกำลังดำเนินการ แม้ขัดต่อข้อตกลงองค์การการค้าโลกบ้าง แต่เป็นผลดีกับผู้ประกอบการในไทย
มีการประมาณการว่า การเก็บภาษีนำเข้าจากสินค้าที่สั่งซื้อออนไลน์กับร้านค้าที่ตั้งอยู่ต่างประเทศ จะทำให้กรมศุลกากรมีรายได้เพิ่ม 3,000 ล้านบาท คำนวณจากยอดนำเข้าสินค้าออนไลน์ที่มูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท แต่ละปีที่มากกว่า 30,000 ล้านบาท และเสียภาษีเฉลี่ย 10% อย่างไรก็ตาม ระยะยาวมีแผนแก้กฎหมายเพื่อจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศให้เป็นอัตราเดียวด้วย
พร้อมกันนี้กรมศุลกากร กำลังพิจารณายกเลิกกฎหมายที่ให้รางวัลนำจับแก่เจ้าหน้าที่ศุลกากร เพื่อลดอุปสรรคทางการค้า ตามข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ เนื่องจากข้อตกลงดังกล่าว สหรัฐฯ มีประเด็นที่ให้ประเทศไทยจะต้องยกเลิก เริ่มตั้งแต่เดือน พ.ย. 2568 นำร่องจากเจ้าหน้าที่ระดับ 8 ขึ้นไป