
พาราสาวะถี
ตอนนี้ถามว่าจะเอายังไงดีระหว่างไล่ล่าหาคำตอบให้ได้ว่าใครสั่ง พลโทบุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษา ผบ.ทบ. หยุดยิงในวันที่สวมหัวโขนแม่ทัพภาคที่ 2 บัญชาการการรบกับเขมรในวันแรกของการปะทะ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ตอนนี้ถามว่าจะเอายังไงดีระหว่างไล่ล่าหาคำตอบให้ได้ว่าใครสั่ง พลโทบุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษา ผบ.ทบ. หยุดยิงในวันที่สวมหัวโขนแม่ทัพภาคที่ 2 บัญชาการการรบกับเขมรในวันแรกของการปะทะ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากเปิดฉากสาดกระสุนใส่เขมรไปได้ 6 ชั่วโมง กับกรณีล่าสุด ที่ทหารไทย 2 นายได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิด บริเวณห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ ขณะที่ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเส้นทาง เป็นผลให้ จ่าสิบเอกเทิดศักดิ์ สมาพงษ์ ข้อเท้าขวาขาด ที่แทบไม่ต้องสืบทุ่นระเบิดดังว่าน่าจะเป็นการวางใหม่ และไม่ต้องบอกว่าเป็นฝีมือฝ่ายใด
เหตุที่ต้องถามเช่นนี้ก็เพราะกรณีแรก รู้แล้วว่าใครสั่งยิงจะมีผลอย่างไร เต็มที่หากเป็นนักการเมืองก็จะเป็นโอกาสของฝ่ายตรงข้าม พรรคคู่แข่งได้ใช้ประโยชน์ในการโจมตีตัวบุคคล และทำลายพรรคการเมืองที่สังกัด แล้วจะเอาผิดได้หรือไม่ ในเมื่อบิ๊กกุ้งคนที่ปฏิเสธที่จะทำตามคำร้องขอ ก็ได้บอกไปแล้วว่าหลังจากอธิบายกับคนที่ยกหูหา ทำความเข้าใจแล้วก็ไม่ได้ดันทุรังที่จะให้ฝ่ายกองทัพต้องทำตาม หากมองในแง่ดีมีอยู่ 2 ประเด็นคือ ฝ่ายร้องขอเกรงว่าจะเข้าทำเขมรที่จะใช้เป็นเหตุนำชนวนการสู้รบไปร้องต่อศาลโลก อีกเรื่องคือ กลัวว่าจะเกิดความสูญเสียกับกำลังพลและประชาชน
ดังนั้น เมื่อมองไปยังปฏิกิริยาของพวกที่อยากจะรู้ และเปิดโปงให้ได้ ล้วนแต่เป็นพวกขาประจำ และอยากทำให้เป็นประเด็นทางการเมืองที่ใหญ่โต เป้าหมายก็รู้กันอยู่ ขณะที่กรณีทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาด ถือเป็นเรื่องใหญ่มากทั้งในแง่ของปฏิญญาที่ผู้นำทั้งสองประเทศได้เซ็นร่วมกันไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนหรือไม่ว่า ทำไมเขมรถึงไม่ยอมที่จะทำตามกับเงื่อนไขข้อที่ 2 เรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่ไทยเสนอไป 13 พื้นที่ แล้วขอปรับลดจนฝ่ายไทยใจอ่อนยอมลดให้เหลือ 5 พื้นที่
นอกเหนือจากการประท้วงซึ่งแทบจะไม่เป็นผล และอีกฝ่ายไม่เคยทำตามในสิ่งที่ประเทศไทยได้ยึดกฎกติกามาโดยตลอด แบบนี้จะต้องส่งสารผ่านคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนหรือ AOT เพื่อสะท้อนไปยัง อันวาร์ อิบราฮิม ประธานอาเซียน รวมไปถึง โดนัลด์ ทรัมป์ สักขีพยานคนสำคัญในการลงนามที่อ้างว่าเพื่อสันติภาพหรือไม่ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการกระทำแม้จะบอกว่าไม่ได้เป็นการละเมิด แต่กระทบต่อความไว้วางใจซึ่งกันและกันอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน เพื่อที่จะได้เป็นเครื่องหมายยืนยันต่อแรงกดดันที่ฝ่ายสหรัฐอเมริกา บีบคั้นให้ทางกองทัพบกต้องเร่งส่งตัวเชลยศึก 18 คนให้เขมร ตามข่าวมีการกำหนดวันไว้เรียบร้อยคือ 12 พฤศจิกายนนี้ ฟังจาก อนุทิน ชาญวีรกูล คือสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหม พิจารณาประท้วงไปยังคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT โดยจะดำเนินการให้ถึงที่สุด ด้าน พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประท้วงต้องประท้วงแน่นอนและทันที แต่มีวลีทองคือ เรื่องของเชลยศึกเอาไว้ก่อน ต้องมาคุยกันในรายละเอียด ถ้าพิสูจน์ทราบว่าเป็นเจตนาก็ต้องมากกว่านั้นอีก
ที่ต้องขีดเส้นใต้คือประโยคหลัง ถ้าพิสูจน์ทราบว่าเป็นเจตนาก็ต้องมากกว่านั้นอีก ต้องการสื่อถึงการดำเนินการอย่างไร เพราะเมื่อพิจารณาจากจุดเกิดเหตุจะเห็นได้ชัดว่า อยู่ระหว่างปราสาทเขาพระวิหาร กับภูมะเขือ ซึ่ง เป็นพื้นที่ที่ทหารไทยกำลังผลักดันฝ่ายเขมรออกไป โดยที่อีกฝ่ายก็ต้องการที่จะยึดพื้นที่คืน เนื่องจากเป็นจุดที่ว่ากันว่าทำให้ ฮุน เซน เสียหน้าเป็นที่สุด ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่น่าจะแค่ประท้วง แล้วทุกอย่างก็เงียบหายไป
นาทีนี้หากไปถามกับฝ่ายกองทัพที่หมายถึง ทหารหน้าแนวระดับปฏิบัติการน่าจะได้คำตอบที่เป็นความรู้สึกว่า ถ้าฝ่ายนโยบายยังคงใช้วิธีการแบบเดิม ๆ คือประท้วง และรอคำตอบซึ่งก็ไม่มีอะไรที่เกิดประโยชน์กับประเทศไทย นั่นเท่ากับ เป็นการปล่อยให้อีกฝ่ายมาย่ำยีทำลายเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของทั้งประเทศและทหารที่เสี่ยงตายทุกคน ถือเป็นโจทย์ที่บรรดาผู้นำตั้งแต่ฝ่ายกุมอำนาจ ไปจนถึงผู้นำกองทัพจะต้องรีบเคลียร์ให้เกิดความกระจ่าง
ไหน ๆ ก็เป็นพวกเดียวกันโดยเนื้อแท้ คงไม่ต้องมานั่งเกรงอกเกรงใจ หรือกลัวจะเสียความเป็นมิตรประเทศเหมือนที่ผ่านมา อะไรที่จะทำให้สร้างความเชื่อมั่นจากประชาชน สร้างขวัญและกำลังใจให้กับบรรดาทหารหาญผู้ปฏิบัติงานก็ ต้องตัดสินใจให้เด็ดขาด งานนี้ทางกองทัพคงต้องประสานให้ AOT ฝั่งไทยได้เข้ามามีบทบาทเพื่อยืนยันถึงความไม่โปร่งใส และทำตัวเป็นพวกลอบกัดของฝ่ายเขมร เพื่อที่จะเป็นการรับรองว่าอุปสรรค ปัญหาต่างๆ หากเกิดขึ้น ล้วนมาจากความไม่จริงใจของอีกฝ่าย นั่นเอง
ส่วนการเมืองที่ว่าด้วยท่าทีของพรรคประชาชน ต่อการจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจกับเหตุผลที่ว่าถ้าทำเช่นนั้น จะทำให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญสะดุด ก็เป็นการแสดงเจตนารมณ์ของฝ่ายค้ำอย่างชัดเจน ไม่ต้องอ้างเหตุผลรัฐบาลเพิ่งทำงาน ยังไม่มีประเด็นอะไรที่จะนำไปซักฟอกได้ ปมการแอบไปทำข้อตกลงเรื่องแรร์เอิร์ธกับทรัมป์ จนทำให้ถูกมองว่ามีเจตนาปกปิดน่าจะมีมูลเพียงพอ ยังไม่นับรวมเรื่องที่เสี่ยหนูพูดถึงว่าคนไทยไปรุกล้ำอธิปไตยเขมรอีก ถ้าไม่เจตนามองข้ามย่อมมองเห็นความไม่ปกติ
พอจะเข้าใจท่วงทำนองของพรรคสีส้ม เห็นอาการแปลกแปร่งตั้งแต่คำพูดของผู้นำทางจิตวิญญาณมาแล้ว สิ่งสำคัญการแสดงออกเช่นนี้ คงไม่ใช่แค่การอุ้มสมให้อนุทินได้เป็นนายกฯ อย่างที่ต้องการ รวมทั้งข้อแลกเปลี่ยนอื่นที่ไม่ได้เปิดเผย ที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นว่ากันว่า มันเกี่ยวข้องกับข้อตกลงที่พูดกันไปถึงหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าโน่นแล้ว จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ก็ให้รอดูท่าทีของพรรคส้มจากที่เคยสุดโต่งในหลาย ๆ เรื่อง ถ้าไม่ได้ไปแตะสิ่งเหล่านั้น ถือเป็นสัญญาณว่า กำลังแต่งตัวเพื่อรอกระโดดเกาะขบวนแห่งอำนาจที่หอมหวานกันอยู่
อรชุน