
หุ้นไทย เกิดอะไรขึ้น?
บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ทยอยประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/68 กันออกมาหลายหุ้นแล้ว ข้อน่าสังเกตคือ มี บจ.หลายแห่ง หลังจากประกาศงบการเงินออกมา แม้ว่า ทั้งรายได้ กำไรสุทธิ แล้วแนวโน้มไตรมาส 4/68 จะออกมาดี แต่ราคาหุ้นกลับไม่ตอบรับกับผลประกอบการ
บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ทยอยประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/68 กันออกมาหลายหุ้นแล้ว
ข้อน่าสังเกตคือ มี บจ.หลายแห่ง หลังจากประกาศงบการเงินออกมา แม้ว่า ทั้งรายได้ กำไรสุทธิ แล้วแนวโน้มไตรมาส 4/68 จะออกมาดี แต่ราคาหุ้นกลับไม่ตอบรับกับผลประกอบการ
คำถามคือ “เกิดอะไรขึ้น”
เข้าใจว่า กรณีดังกล่าวน่าจะมาจาก “ความเชื่อมั่น” เป็นหลัก
และรวมถึงภาวะตลาดหุ้นที่มักจะเล่นแบบกองโจร “ตีหัวเข้าบ้าน” ไว้ก่อน
ยกตัวอย่าง บริษัท “A” แจ้งงบการเงินออกมา กำไรเติบโตตามคาด หรือมากกว่าคาด พร้อมทั้งจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ส่วนนักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า แนวโน้มไตรมาส 4/68 และปี 69 ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง
ราคาหุ้นจะตอบรับในช่วงระยะสั้นเท่านั้น
คือเปิดตลาดเช้าขึ้นมา ทะยานบวก เช่น 4-5% ทันที หรืออาจจะมากกว่านั้น
ทว่า พอในช่วงบ่ายและปิดตลาด ราคาหุ้นกลับลดลง และบางหุ้นราคากลับลงมาปิดลบด้วยซ้ำ
ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเฉพาะหุ้นขนาดกลางและเล็ก
แม้กระทั่งหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ ยังคงเผชิญกับปัญหาแบบนี้เช่นกัน
และนั่นทำให้ภาพรวมของดัชนีหุ้นไทย คงวนเวียนอยู่บริเวณ 1,300 จุด บวก/ลบ อย่างวานนี้ ล่าสุด รูดลงมาต่ำกว่า 1,300 จุดอีกครั้ง
หรือบางหุ้นมีปัจจัยเชิงบวกเข้ามาต่อเนื่อง เช่น BTS แต่ราคาหุ้นกลับลงแบบหาสาเหตุไม่ได้ (หรืออาจะมีแต่ยังไม่ทราบ)
มองดูสัญญาณของกราฟ ทางเทคนิค BTS นักวิเคราะห์สายเทคนิค ถึงกับมองว่า ราคาหุ้นอาจะมีโอกาสลงมาเล่นกันที่ระดับ 1 บาท หรือบาทกว่า ๆ โน่นเลย
เพราะกราฟ (BTS) ร่วงลงมาแบบยังมองหาก้นเหวไม่เจอ
แพลนบี มีเดีย PLANB กำไรออกมามากกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน และมีเงินปันผลระหว่างกาลคิดเป็นยีลด์ ณ ราคาปิดวันก่อนหน้าถึง 4.1% ซึ่งเมื่อเปิดตลาดช่วงเช้า ราคาหุ้นพุ่งรับทันที
แต่เมื่อราคาหุ้นมา กลับเผชิญกับแรงขายทำกำไรทันที ทำให้ราคาลงมาปิดลบ ทั้งที่
แพลนบี อาจจะมีปัจจัยลบ (ที่ยังไม่เกิดขึ้น คาดกันไว้ก่อน) บ้าง แต่เหมือนว่า นักลงทุนจะนำปัจจัยลบเข้ามาเป็นตัวตั้งไว้ก่อนเพื่อปรับลดความเสี่ยง
ส่วนปัจจัยบวก จะถูกนำมาใช้เพื่อเก็งกำไรแบบชั่วคราวเท่านั้น
เท่าที่เห็น มีเพียงหุ้นในกลุ่มธนาคารเท่านั้น ที่ราคาหุ้นยังพอยืนอยู่ได้ นักลงทุนเข้ามาเล่นรอบตามแนวรับ แนวต้าน
“มูลค่าการซื้อขาย” เป็นอีกประเด็นที่กำลังถูกจับตา
เพราะหลายวันก่อนหน้านี้ วอลุ่มเทรดหดหายเหลือวันละไม่ถึง 3 หมื่นล้านบาท
นั่นสะยิ่งสะท้อนเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของนักลงทุน ที่ไม่กล้าเข้ามาลงทุน หรืออาจจะลงทุนในวงเงินที่มีสัดส่วนลดลง แล้วหันไปลงทุนในผลิตภัณฑ์การเงินอื่น ๆ หรือถือเงินสดเพื่อรอดูไปก่อน
โดยเฉพาะเมื่อยิ่งเข้ายิ่งเสีย ยิ่งลงทุน ยิ่งหมด เป็นใครก็เชื่อว่า ต้องหยุดไว้ก่อน
นี่ยังไม่รวมถึงปัญหาหุ้นไอพีโอ ที่เข้ามาแล้วเปิดต่ำจองกันสนุกสนาน จนนักลงทุนเริ่มขยาด และไม่อยากจะเล่นหุ้นไอพีโอกันล่ะ
ล่าสุด เห็น “กอบศักดิ์ ภูตระกูล” ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) บอกชัดเจนว่า ราคาหุ้นไอพีโอ “ตั้งสูงเกินไป” และเป็นเรื่องที่ทางหน่วยงานกำกับจะต้องเข้ามาแก้ไขสถานการณ์