กรุงเทพฯท่วมบ้างก็ได้ (นะ)

อย่าให้เหมือนปี 2554 มหาวิปโยคอุทกภัยน้ำท่วมหนักที่สุดของประเทศไทย หมู่บ้านเมืองเอก ปทุมธานี กลายเป็น “เมืองร้าง” นานนับ 2-3 เดือน


อย่าให้เหมือนปี 2554 มหาวิปโยคอุทกภัยน้ำท่วมหนักที่สุดของประเทศไทย หมู่บ้านเมืองเอก ปทุมธานี กลายเป็น “เมืองร้าง นานนับ 2-3 เดือน พี่น้องย่านตอนเหนือกรุงเทพฯ ทั้งปทุมฯ-นนท์ฯ-ดอนเมือง-สายไหม-บางเขน และส่วนตะวันตกเช่นบางพลัด-บางบัวทอง-หนองแขม-ทวีวัฒนา…

ต่างต้องตกในชะตากรรม Ghost Town เดียวกัน

ระบบระบายน้ำหลักของพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา ประกอบด้วย 4 เขื่อนหลัก คือ 1.เขื่อนภูมิพล จ.ตาก 2.เขื่อนสิริกิต์ จ.อุตรดิตถ์ 3.เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก 4.เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และ 5.เขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางบริหารจัดการน้ำจากภาคเหนือทั้งปวง

น่าเสียดาย ขาดเขื่อนลุ่มน้ำยมไป 1 เขื่อน ระบบบริหารจัดการน้ำลุ่มเจ้าพระยา จึงขาดความสมบูรณ์ไปอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งทำให้.สุโขทัย กลายเป็น “สุโขทัยระทม” มาทุกปี เพราะขาดเขื่อนหลักขนาดใหญ่กั้นน้ำยม

แต่สถานการณ์ปัจจุบันของเขื่อนทั้ง 5 แห่ง ต่างก็ตกอยู่ภายใต้วิกฤต น่าเป็นห่วงทั้งสิ้น มีทั้งใกล้เต็มความจุเขื่อนและน้ำล้นเขื่อนเกิน 100% ไปแล้ว อาทิ เขื่อนภูมิพล มีน้ำกักเก็บ 100% ของความจุอ่าง อัตราน้ำไหลลงเขื่อนยังคงสูงกว่าน้ำระบายถึง 35.08 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน

เขื่อนสิริกิต์ กักเก็บ 98% อัตราน้ำไหลลงเขื่อนสูงกว่าน้ำระบาย 13.69 ล้านล..เมตร/วัน เขื่อนแควน้อยฯ กักเก็บ 101% อัตราน้ำไหลลลงเขื่อนสูงกว่าน้ำระบาย 0.68 ล้านล..เมตร/วัน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ กักเก็บ 96% อัตราน้ำไหลลงเขื่อนสูงกว่าน้ำระบาย 0.68 ล้านล..เมตร

ส่วนเขื่อนเจ้าพระยา จากสถานการณ์ตึงตัวของเขื่อนต่าง ๆ จึงต้องเร่งระบายน้ำสู่พื้นที่ใต้เขื่อนสู่ระดับสูงถึง 2,900 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ก่อความเสียหายแก่พื้นที่ลุ่มต่ำ 2 ฝั่งเจ้าพระยาตอนล่างเป็นอันมาก

พื้นที่ลุ่มต่ำตั้งแต่ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี และบางส่วนของนนทบุรี ต้องทุกข์ระทมแช่น้ำมา 2-3 เดือนแล้ว บางที่ท่วมแช่นานถึง 4 เดือนแม้จะมีระบบระบายน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาถึง 2 ฝั่ง ทั้งด้านฝั่งตะวันตกทางแม่น้ำท่าจีน และด้านฝั่งตะวันออกทางคลองชัยนาทป่าสักก็ตาม

ไม่รู้ว่าผันน้ำไปทางตะวันตกและตะวันออกได้เต็มประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน นายกฯ อนุทินยังตั้งข้อสังเกตเลยว่า น้ำทางฝั่งคลองชัยนาทยังแห้งอยู่เลย ขณะที่เจ้าพระยาอาการหนัก

แต่ก็เอาล่ะ กรุงเทพมหานครจะมีส่วนแบ่งเบาความทุกข์ระทมของพี่น้องในพื้นที่เจ้าพระยาตอนบนได้บ้าง

สรุปบทเรียนจากปีมหาวิกฤต 2554 ในขณะที่น้ำท่วมหนักเหนือพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งรังสิต-ดอนเมือง-สายไหม-บางเขต แต่ปรากฏว่าคูคลองในเขตพื้นที่ชั้นในกรุงเทพฯ อาทิ คลองเปรมประชากร คลองแสนแสบ ประเวศ ลาดพร้าว สามเสน ฯลฯ แห้งผาก!

ขนาดปลายคลองเปรมประชากรด้านข้างทำเนียบรัฐบาลเนี่ย น้ำแห้งขอดติดก้นคลอง เพราะมีการบล็อกประตูน้ำต่าง ๆ ด้านบนไว้หมด ตามนโยบายไม่ให้น้ำเข้าท่วมพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน ซึ่งหากน้ำจะท่วมสักข้อเท้าตาตุ่มหรือครึ่งหน้าแข้งบ้าง-เต็มบ้าง มันจะเป็นไรกันเชียว!

แสดงว่า  พื้นที่ลำคลองต่าง ๆ ในกทม.ซึ่งไหลระบายออกสู่เจ้าพระยาได้หมด ยังมีพื้นที่ว่างในการกักเก็บและระบายน้ำได้อีกมาก

นอกจากนั้นยังมีอุโมงค์ยักษ์ที่สร้างเสร็จแล้ว 6 อุโมงค์ เส้นผ่าศูนย์กลางแต่ละอุโมงค์ 5-6 เมตร ความยาวประมาณ 5-6 ก.ม.สามารถทำหน้าที่รับและระบายน้ำได้เป็นอย่างดี ขอแต่หมั่นเอาใจใส่ขุดลอกท่อระบายน้ำและขยะในคูคลองเท่านั้น

น้ำจะได้ไหลเข้าหาอุโมงค์ยักษ์ ไม่ใช่เป็นอุโมงค์หลับเหมือนปี 54 ที่ “น้ำมาไม่ถึง”

กรุงเทพฯ คือผืนดินสุดท้ายก่อนน้ำไหลลงสู่แม่น้ำ-ทะเลแล้ว หากไม่ยอมปล่อยให้น้ำไหลไป พื้นที่ตอนบนกรุงเทพฯ ก็ยังต้องจมแช่น้ำยาวนานกว่าปกติตามหลัก “Gravity” หรือแรงโน้มถ่วง

กรุงเทพฯ ก็สามารถช่วยแบ่งเบาภาระน้ำท่วม และช่วยเหลือราษฎรไม่ให้ระทมทุกข์นานเป็น 3-4 เดือนได้นะ

Back to top button