พาราสาวะถี

เป็นประเด็นถกเถียง เล่นเกมปั่นประสาทกันอยู่ระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ว่าด้วย อนุทิน ชาญวีรกูล สามารถยุบสภาได้หรือไม่


เป็นประเด็นถกเถียง เล่นเกมปั่นประสาทกันอยู่ระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ว่าด้วย อนุทิน ชาญวีรกูล สามารถยุบสภาได้หรือไม่ หากมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 แล้ว เป็นผลพวงจากการยืนยันของ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ระบุว่า ฝ่ายกฎหมายได้ตรวจสอบแล้ว ยึดตามรัฐธรรมนูญทุกประการคือ เมื่อมีการยื่นญัตติซักฟอกแล้ว จะยุบสภาไม่ได้ เพราะเกรงว่าจะมีการหนีซักฟอกเหมือนในอดีต

ดังนั้น รัฐธรรมนูญฉบับคนดีย์หรือฉบับปราบโกงจึงบัญญัติเรื่องนี้ไว้ แต่บังเอิญว่ารัฐบาลเด็กเส้น 4 เดือน หนีบเอา มือกฎหมายสายเนติบริกร เคยเป็นทาสรับใช้ของเผด็จการสืบทอดอำนาจมาก่อน จึงกล้าที่จะหลับหูหลับตาอ้างว่า ตัวเองเป็นคนเขียนกฎหมายสูงสุดมากับมือ ถ้าแค่ยื่นญัตติแต่ยังไม่ได้บรรจุในวาระการประชุม นายกฯสามารถยุบสภาได้ การันตีกันมาแบบนี้ไม่ต้องคาดเดาว่า หากฝ่ายค้านยื่นซักฟอกจริงบทสรุปจะออกมาอย่างไร

เห็นได้ชัดจากการเรียกร้องของเสี่ยหนู ที่ท้าให้เพื่อไทยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 แทน โดยอ้างเป็นการตรวจสอบรัฐบาลและพร้อมที่จะชี้แจง ถ้ายื่นตามมาตรา 151 เพื่อให้ลงมติ ความเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ยังไงเสียก็หนีไม่พ้นต้องยุบสภาเอาตัวรอด ซึ่งคงลืมไปว่าตอนที่พรรคภูมิใจไทยประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล แค่ไม่กี่วันก็ประกาศจะยื่นซักฟอกรัฐบาลเหมือนกัน บังเอิญว่าถูกเบรกจากพรรคประชาชน ในฐานะแกนนำฝ่ายค้านเสียก่อน ประกอบกับศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องเตรียมเช็คบิล แพทองธาร ชินวัตร ไว้แล้ว จึงไม่ได้เดินหน้าในเรื่องนี้

ความจริงเพื่อไม่ให้เป็นการยืดเยื้อ ไม่ต้องมาทำสงครามน้ำลายกันไปมา พรรคนายใหญ่ก็ดำเนินการยื่นซักฟอกในทันที เพราะไม่ได้มีปัญหาเรื่องเสียงของ สส.ที่จะเข้าชื่อเสนอญัตติอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องรอการตอบรับจากพรรคประชาชน หากประเด็นที่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจมีน้ำหนัก สมเหตุสมผล ยังไงเสียพรรคสีส้มคงไม่อาจจะตีกรรเชียง หนีการร่วมซักฟอกได้ มิเช่นนั้น ภาพของการเป็นพรรคฝ่ายค้ำจะติดตัวไปจนถึงการเลือกตั้ง ซึ่งจะส่งผลอย่างรุนแรงต่อคะแนนนิยม

ลำพังการทุ่มทุนสร้างด้วยการอุ้มสมให้ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ด้วยข้ออ้างเพื่อแลกกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ทำให้เกิดคำถามและกระทบต่อเสียงสนับสนุนอยู่แล้ว ดังนั้น หากเพื่อไทยมีการยื่นซักฟอก แล้วจี้ไปในจุดที่ทำให้สังคมเห็นว่า รัฐบาลมีข้อผิดพลาดในเรื่องใดบ้างเข้าข่ายไม่สามารถไว้วางใจได้ และเป็นเรื่องที่พรรคสีส้มก็รับรู้กันอยู่ ยังไงก็สามารถสร้างแรงกดดันให้เสี่ยหนูจนนำไปสู่การยุบสภาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วค่อยไปวัดกันในสนามเลือกตั้ง

ข้ออ้างที่พรรคส้มจะไม่ร่วมสังฆกรรมกับเพื่อไทยในการซักฟอก คงหนีไม่พ้นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากอยู่ในจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็ม คงอยากให้ผ่านกระบวนการตรงนี้ไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่า เป็นการทอดระยะเวลาไปชนเอากับไทม์ไลน์ที่อนุทินได้ประกาศไว้ว่าจะยุบสภาในวันที่ 31 มกราคมปีหน้า แต่ไม่มีใครการันตีได้ว่าจะเป็นไปตามนั้นหรือไม่ หากกระบวนการแจกกล้วย ดึงตัว สส.จากพรรคการเมืองต่าง ๆ เข้าคอกได้ตามเป้าหมาย และถือว่าอยู่ในจุดที่กุมความได้เปรียบ จะมีการชิงยุบสภาก่อน

ขบวนการสุมหัวด้วย พลังการหนุนหลังจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม ในฐานะพรรคสีน้ำเงินคือตัวแทนของแท้ และ ได้พลังค้ำยันอันวิเศษ จึงทำให้เกิดความมั่นใจกันเป็นอย่างมาก เลือกตั้งครั้งใหม่ยังไงก็ได้กลับมาเป็นแกนนำรัฐบาลแน่นอน มองกันไปถึงขั้นเตรียมส่งเทียบเชิญพรรคสีส้มมาร่วมงานด้วย ซึ่งตรงนี้ให้ดูที่กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ ถ้ามีการยอมถอยโดยการยืนยันไม่แตะหมวด 1 และ 2 นั่นจะเป็นเครื่องยืนยันว่า พรรคสุดโต่งได้เปลี่ยนท่าที และแต่งตัวรอพร้อมที่จะกระโดดเกาะขบวนแห่งอำนาจบริหารเรียบร้อยแล้ว

ส่วนเพื่อไทยอย่างที่บอก ถึงตอนนี้ชะตากรรมของ ทักษิณ ชินวัตร ยังพลิกคว่ำพลิกหงาย การเข้าไปสวามิภักดิ์ต่อฝ่ายอนุรักษ์นิยมเพื่อให้ได้กลับเข้าไปกุมอำนาจบริหารประเทศ เป็นบทเรียนการเสียรู้ หรือเสียค่าโง่ซ้ำซากของนายใหญ่ หากพรรคสีส้มจูบปากกับพรรคน้ำเงินจริง จังหวะนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่พรรคสีแดงจะต้องทำการยกเครื่อง ปรับทัพ จัดระเบียบ แสดงตัวตนความเป็นพรรคเสรีประชาธิปไตย ชูประชานิยมเหมือนเดิม ซึ่งเชื่อว่าน่าจะยังพอขายได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการรอเท่านั้น โดยเชื่อว่าไม่น่าจะนานเกินไป

รัฐบาลผสมที่เป็นผลผลิตจากกลไกของเผด็จการสืบทอดอำนาจ ไม่มีทางที่จะยืนระยะได้เป็น 10 ปีเหมือนที่ขบวนการอยู่ยาวเคยทำไว้ ด้วยสันดานนักการเมืองยิ่งเป็นการผสมพันธุ์กันหลายพรรค โดยแต่ละพรรคที่ดึงมาร่วม มีจำนวนเสียงในระดับที่สามารถสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาลได้ เรื่องการจัดสรรโควต้ารัฐมนตรีจึงไม่ง่ายเหมือนที่อนุทินทำได้ในการดึงคนนอกเข้ามาร่วมครม.อายุสั้นหนนี้ รัฐบาลที่จะเกิดขึ้นหลังเลือกตั้งครั้งหน้า จึงน่าจะเป็นการเข้ามาเพื่อตั้งหน้าตั้งตาถอนทุนคืนกันให้ได้มากที่สุดมากกว่า

ขนาดว่าเกราะกำบังชั้นเลิศคุ้มกะลาหัว เสี่ยหนูยังวางแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคสีน้ำเงินเพิ่มอีก 2 คนคือ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส กับ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ไม่ใช่เรื่องของการต้องการเสียงหนุนจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมทั้งหมด รวมไปถึงบรรดาเจ้าสัว นายทุน ชนชั้นอิลิททั้งหลายเท่านั้น แต่นี่ เป็นการวางตัวเพื่อกันเหนียวเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับตัวเองเมื่อใด อีกด้านเพื่อเป็นการสร้างภาพให้เห็นว่า พรรคสีน้ำเงินไม่ได้อยู่ภายใต้การครอบงำของกุนซือหมอผีเขมร แต่อย่างใด

อรชุน

Back to top button