สัญญาณริบหรี่..เฟดลดดอกเบี้ย.!

ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ปรับเพิ่มขึ้น 119,000 ตำแหน่งช่วงเดือนก.ย. 68 สูงกว่าตัวเลขที่บรรดานักวิเคราะห์ประเมินไว้


ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ปรับเพิ่มขึ้น 119,000 ตำแหน่งช่วงเดือนก.ย. 68 สูงกว่าตัวเลขที่บรรดานักวิเคราะห์ประเมินไว้ที่ระดับ 53,000 ตำแหน่ง หลังจากตัวเลขการจ้างงาน ลดลง 4,000 ตำแหน่ง เมื่อเดือนส.ค. 68 จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 22,000 ตำแหน่ง และปรับตัวเลขการจ้างงานเดือนก.ค. เป็นเพิ่มขึ้น 72,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 79,000 ตำแหน่ง

ขณะเดียวกันตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมง โดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 3.8% ช่วงเดือนก.ย. 68 เมื่อเทียบรายปีและเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ที่ระดับ 3.7% และ 0.3% ตามลำดับ

โดยตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพื่อค้นหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ ส่วนตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐฯ แสดงสัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมด อยู่ที่ระดับ 62.4%

ขณะที่นักลงทุนพากันเทน้ำหนักมากกว่า 70% คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยรอบการประชุมเดือนธ.ค. 68 หลังรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ประจำเดือนต.ค. 68 แสดงให้เห็นว่า กรรมการเฟด มีความเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเดือนธ.ค.นี้

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 72.2% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย อยู่ที่ระดับ 3.75-4% ในการประชุมเดือนธ.ค. 68 จากเดิมให้น้ำหนักเพียง 49.9% ช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านั้น..!!

นอกจากนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 27.8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% รอบการประชุมเดือนธ.ค. 68 จากเดิมที่ให้น้ำหนักมากถึง 50.1% สัปดาห์ก่อนหน้า..

รายงาน ระบุว่า กรรมการเฟดหลายรายเห็นชอบให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่กรรมการบางรายมองว่าเฟดควรจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับเดิม ขณะที่แสดงความกังวลต่อความคืบหน้าการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อระดับ 2%

โดยกรรมการเฟดส่วนใหญ่ มองว่า การเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก อาจเพิ่มความเสี่ยงที่เงินเฟ้อ จะอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานานหรืออาจทำให้ตลาดตีความว่าคณะกรรมการเฟด ขาดความมุ่งมั่นในการทำให้เงินเฟ้อ กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%

ก่อนหน้านี้ Jerome Powell ระบุว่า “ยังไม่จำเป็นต้องรีบตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย” โดยให้เหตุผลว่า ผลกระทบจากมาตรการภาษีที่มีต่อเงินเฟ้อเป็นการเปลี่ยนแปลงระดับราคาครั้งเดียวแต่อาจเป็นผลกระทบเพียงชั่วคราวหรืออาจรุนแรงต่อเนื่องยาวนานมากกว่าที่คิดไว้ ทำให้ต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประเมินผลกระทบจากมาตรการ ที่ประกาศออกมาล่าสุดก่อนตัดสินใจปรับนโยบาย

นอกจากนี้ Fed ประกาศเดินหน้าปรับลดงบดุลอย่างต่อเนื่อง ด้วยการลดเพดานการถือครองพันธบัตรรัฐบาลรายเดือน เหลือเดือนละไม่เกิน 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่ 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน (Mortgage-backed securities) เดือนละไม่เกิน 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่อาจกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงิน ช่วงที่เศรษฐกิจยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน..!!

Back to top button