
พาราสาวะถี
ไม่มีอะไรปิดลับสำหรับการเมืองที่ไม่ปกติ ทุกอย่างเป็นไปตามสถานการณ์บังคับ หลัง อนุทิน ชาญวีรกูล เล่นบทกดดันประกาศพร้อมยุบสภาวันที่ 12 ธันวาคมนี้
ไม่มีอะไรปิดลับสำหรับการเมืองที่ไม่ปกติ ทุกอย่างเป็นไปตามสถานการณ์บังคับ หลัง อนุทิน ชาญวีรกูล เล่นบทกดดันประกาศพร้อมยุบสภาวันที่ 12 ธันวาคมนี้ เพื่อหนีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคเพื่อไทย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ก็ยอมรับว่า ได้พูดคุยกับ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขอให้ยืดเวลาการยื่นซักฟอกออกไปก่อน รอให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านการพิจารณาวาระ 3 ให้เรียบร้อยค่อยว่ากัน
การแสดงออกเช่นนี้ เชื่อว่าฝ่ายเพื่อไทยคงไม่ตอบรับเพราะตัวเองทำหน้าที่ฝ่ายค้านไม่ใช่ฝ่ายค้ำ หากพรรคสีส้มไม่พร้อมที่จะซักฟอก ก็ให้ไปโหวตหนุนคนที่ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนเพื่อไทยก็ต้องเดินหน้า ซึ่งขึ้นอยู่กับว่า ล็อกเป้าหมายเสนาบดีที่จะถูกขึงพืดเป็นใครบ้าง มีทีเด็ดทีขาดที่จะเล่นงานให้อยู่หมัดหรือไม่ โดยเฉพาะรัฐมนตรีสีเทาที่เป็นเป้าหมายของพรรคประชาชนที่เรียกร้องให้ไขก๊อกเพื่อไม่ทำให้เสถียรภาพรัฐบาลมีปัญหา
การเมืองเมือง 3 ก๊ก ไม่ได้ยึดเรื่องผลประโยชน์ของบ้านเมืองหรือประชาชนเป็นหลักอยู่แล้ว แต่ละฝ่ายก็มีวาระของตัวเอง พรรคสีน้ำเงินหลังได้ยาดีเข้ายึดกุมอำนาจบริหารได้ ก็รุกคืบในการระดมไพร่พลเหล่าเสือหิวทั้งหลายจากพรรคการเมืองต่าง ๆ ไล่ต้อนให้มาเข้าคอกเพื่อหวังชนะเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลได้ ส่วนพรรคสีส้มต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้ำเพราะการเสียรังวัดด้วยการกระเตงอนุทินมาเป็นนายกฯ มีเดิมพันที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จ
ด้านเพื่อไทยการเสียเวลาไปเกือบ 2 ปีจากการไปสวามิภักดิ์กับฝ่ายอนุรักษ์นิยม แต่ได้รับการตอบแทนอย่างสาสมด้วย เก้าอี้นายกฯ ถูกสอยไป 2 ราย ตามมาด้วย ทักษิณ ชินวัตร ถูกจัดการจนงอมพระราม จึงอยู่ในภาวะซวนเซแต่ยังไม่ถึงขั้นล้มคว่ำหมดทางสู้ ดังนั้น เมื่อมีช่องทางที่จะเล่นงานฝ่ายตรงข้ามย่อมต้องเดินหน้า โดยไม่รู้ว่าผลที่จะตามมาเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยก็ทำให้ท่านผู้นำและลิ่วล้อขวัญผวา ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ท้ายที่สุดเชื่อว่าจะไม่ได้แก้เพราะฝ่ายอนุรักษ์นิยมไม่ยอม
เมื่อโจทย์แต่ละฝ่ายตั้งกันไว้แบบนี้ จึงขึ้นอยู่กับฝ่ายผู้มีอำนาจจะเลือกเดินแบบไหน ประกาศเงื่อนเวลายุบสภามาแล้ว ไม่ใช่แค่ต้องการให้พรรคส้มไปรั้งพรรคสีแดงชะลอการซักฟอกออกไป แต่เป็นการออกตัวล่วงหน้า ถ้าอีกฝ่ายยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อไหร่ จะถือเป็นความชอบธรรม ฟอกตัวเองได้ทันที ไม่ใช่การผิดสัญญา ไม่ได้ละเมิดเอ็มโอเอ แต่สถานการณ์บังคับให้ต้องทำเช่นนี้ เข้าทางทุกประตูตามที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมต้องการ
เปิดไพ่โชว์ไม่มีกั๊กถึงขนาดนี้ ระดมพลบ้านใหญ่หลายก๊วนเข้าคอกสีน้ำเงิน มองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากต้องการกวาดคะแนนเสียง เพื่อการันตีการได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกกระทอก แต่หนนี้สิ่งที่ต้องแลกคือการจัดสรรโควต้ารัฐมนตรีที่จะไม่สามารถกันพื้นที่ให้คนนอกเข้ามาทำหน้าที่ สร้างความพึงพอใจ หรือภาพลักษณ์ที่ดีให้เหมือนกับรัฐบาลเสียงข้างน้อยในปัจจุบัน สูตรการเมืองแบบนี้จะเห็นได้ว่าทุ่มเต็มที่ แม้แต่ บ้านใหญ่ชลบุรีที่มีความขัดแย้งกับก๊วนของ สุชาติ ชมกลิ่น ยังยอมหย่าศึกระหว่างย่อมไม่ธรรมดา
ที่น่าจับตาคงเป็นการไล่เจาะ สส.ของพรรคสีแดงแบบรายตัว ที่เวลานี้มีสอง สส.หญิง ของตระกูลการเมืองดังในภาคอีสานอย่าง สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ สส.อุบลราชธานี และ สรัสนันท์ อรรณนพพร ไปยืนรอโบกมือดักกวักมือเรียกอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าจะยื่นข้อเสนอจนยากปฏิเสธได้หรือไม่ จนถึงเวลานี้ทางด้านพรรคนายใหญ่ยังคงนิ่งกันอยู่ แต่เชื่อว่าเมื่อมีความชัดเจนเรื่องวันเลือกตั้งแล้ว จะมีอีกล็อตที่แสดงตัวตีจาก ซึ่งทางพรรคได้มีการเตรียมตัวสำรองไว้เผื่อเหลือเผื่อขาดไว้หมดแล้ว
ขณะที่ชาติไทยพัฒนา น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการเมืองสูตรปลาไหลใส่สเก็ต วราวุธ ศิลปอาชา นำทีม สส.ของพรรคทั้งหมด ไปเปิดตัวร่วมชายคาภูมิใจไทยเรียบร้อย แต่ไม่ได้ยุบพรรคทิ้ง ยังคงให้พี่สาวคนโต กัญจนา ศิลปอาชา ทำหน้าที่ปูโสมเฝ้าทรัพย์ รักษาสมบัติของบรรหารผู้เป็นบิดาไว้ เพื่อเลี่ยงข้อครหาขายสมบัติบุพการีให้ฝ่ายที่มีคนซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างความเจ็บปวดให้กับวงศ์ตระกูลมาในอดีต แต่ก็น่าสนใจเดินเกมการเมืองแบบนี้เหมือนเห็นคนสุพรรณบุรีเป็นหมูอยู่ในอวย
ฟัง นิกร จำนง แถลงแทนลูกท็อปก็เป็นคำแก้ตัวเชิงหลักการตามประสาการเมืองน้ำเน่า ไม่ว่าจะอธิบายยังไง มันก็ไม่เป็นเหตุเป็นผล มันเป็นเรื่องตลกร้ายหรือไม่ ชาติไทยพัฒนายังคงความเป็นพรรคการเมืองไว้ แต่ไม่ส่งคนลงสมัคร สส.ที่สุพรรณบุรีทั้งที่ถือเป็นเมืองหลวงของพรรค ไม่ว่าจะอะไรก็ตามเมื่อลูกหลานผู้สืบสกุลได้ยืนยันในแนวทางที่ถูกต้อง คงต้องเชื่อกันอย่างนั้น เพราะถือว่า เป็นการเดินตามรอยสิ่งที่บรรพบุรุษทางการเมืองเคยทำไว้
นอกเหนือจากการโชว์พลังดูดระดับ ยกกันมาทั้งพรรค ขนกันมาทั้งบ้านใหญ่ บ้านเล็ก แล้ว ยังต้องดูบารมีของพรรคสีน้ำเงินจะลากตัว สส.ของพรรคส้มมาเข้าสังกัดได้กี่มากน้อย หนที่ผ่านมาหลังการยุบพรรคก้าวไกลเหล่า สส.แสดงความภักดีด้วยการอยู่ต่อ แต่พอเข้าสู่โหมดเลือกตั้งใหม่ถือว่าโจทย์เปลี่ยนไป อาจต้องหาสังกัดที่สร้างความมั่นคงในการอยู่รอดได้ อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าพรรคแกนนำรัฐบาล ขยาดกับการดึงคนของพรรคส้มมาเข้าคอก เพราะผลจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาปรากฏว่าสอบตกกันเกลี้ยง อาจจะมียอมเสี่ยงกันแค่บางจังหวัดที่เชื่อว่าคนนั้นมีฐานเสียงที่แข็งแรง
อรชุน