
TOP-PTTGC กับ Asset Monetization
จากกรณีบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ประกาศแผนการบริหารการใช้ทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Asset Monetization) มูลค่ากว่า 47,000 ล้านบาท
จากกรณีบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ประกาศแผนการบริหารการใช้ทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Asset Monetization) มูลค่ากว่า 47,000 ล้านบาท ด้วยการปรับโครงสร้างธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ เช่น ถังเก็บน้ำมันและท่าเรือ ให้มารวมศูนย์อยู่ที่บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด (PTT Tank) เพื่อเป็นเรือธงในการบริหารจัดการสินทรัพย์สาธารณูปโภค (Infrastructure Flagship) และเพื่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วม (Synergy) ในกลุ่มปตท.
การดำเนินธุรกรรมดังกล่าวทำให้บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ได้รับเงินสดและสภาพคล่องเพิ่มเติม จากการขายหรือให้เช่าระยะยาวทรัพย์สินด้านโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ เพื่อเสริมความเข้มแข็งให้ธุรกิจหลัก (Core Business) และสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมใ ห้ผู้ถือหุ้นระยะยาว
เริ่มจากการทำธุรกรรมร่วมกับบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ด้วยวิธีการให้เช่าและเช่ากลับ (Lease and Leaseback) สัญญาเช่าระยะยาว 21 ปี โดย PTT Tank และ TOP ร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (JV) ขึ้นมา โดย TOP ถือหุ้น 51% และ PTT Tank ถือหุ้น 49%
บริษัทร่วมทุนนี้จะทำการเช่าสินทรัพย์หลักของ TOP อาทิ ถังเก็บน้ำมันดิบและทุ่นผูกเรือน้ำลึก SBM เป็นระยะเวลา 21 ปี ด้วยมูลค่าสัญญาเช่าสูงถึง 37,402 ล้านบาท ธุรกรรมดังกล่าว TOP จะได้รับเงินสดก้อนใหญ่กว่า 18,000 ล้านบาทเพื่อใช้ลดหนี้และเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ช่วยลดภาระดอกเบี้ยจ่ายปีละกว่า 650 ล้านบาท
ทำให้ฐานะทางการเงินแข็งแกร่งขึ้น ลดความเสี่ยงที่อันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) จะถูกปรับลดลงและเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินทรัพย์เดิม โดยเฉพาะทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐาน ที่ไม่ได้สะท้อนมูลค่าแท้จริงในงบดุลตลอดช่วงที่ผ่านมา
ขณะที่ธุรกรรมกับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ใช้วิธีการขายและเช่ากลับ (Sale and Leaseback) โดย PTT Tank (ทำธุรกรรมผ่านบริษัทลูก) เข้าซื้อสินทรัพย์ อาทิ ท่าเทียบเรือ ถังเก็บผลิตภัณฑ์และระบบขนถ่าย จาก PTTGC มูลค่าประมาณ 4,840 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ PTT Tank เข้าซื้อหุ้นบริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล จำกัด (TTT) จาก PTTGC ทำให้ PTTGC ได้เงินสดกว่า 4,800 ล้านบาท แต่ยังเช่าใช้สินทรัพย์เดิมในการดำเนินงานต่อไป
บทสรุปของการทำ Asset Monetization นั่นคือ 1)การปลดล็อกมูลค่า (Unlock Value) สินทรัพย์ดังกล่าว จากเดิมจะถูกประเมินเป็นมูลค่าในงบดุลแบบธรรมดา แต่เมื่อนำมาอยู่ใน PTT Tank และมีการทำสัญญาเช่าระยะยาวมูลค่าจะถูกประเมินใหม่ในฐานะ “แหล่งรายได้ค่าเช่าที่มั่นคง”
2)การเสริมสภาพคล่องปรับลดหนี้ โดยทั้ง TOP และ PTTGC ได้รับเงินสดเพื่อนำไปชำระหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยสูง และนำเงินไปใช้เป็นเงินลงทุนธุรกิจหลัก ที่สร้างผลตอบแทนมากขึ้น 3)การเกิดผลประโยชน์รวมกัน (Synergy) โดย PTT Tank สามารถบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานทั้งกลุ่มปตท.ที่เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ทั้งธุรกรรม Lease and Leaseback (กรณี TOP) และ Sale and Leaseback (กรณี PTTGC) ถือเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ถูกกฎหมายและได้รับการยอมรับระดับสากล ภายใต้มาตรฐานการบัญชี (TFRS 16) ที่ควบคุมอย่างเข้มงวด เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า เป็นการโอนการควบคุมจริง โดย PTT Tank ต้องเข้ามามีอำนาจควบคุมสินทรัพย์จริง ๆ และการบันทึกกำไรต้องโปร่งใส โดยเฉพาะกำไรจากการขายที่จะไม่ถูกรับรู้ทันที แต่ถูกทยอยรับรู้ตลอดอายุสัญญาเช่า
ที่สำคัญสุดทั้ง TOP และ PTTGC จะมีสภาพคล่องและเงินสด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่น ที่กำลังเผชิญความท้าทายจากวิกฤติซัพพลายล้นตลาด และการแข่งขันรุนแรงบนโลกปัจจุบัน..!!