
BKA เพิ่มทุนขยายตัว.!
ท่ามกลางตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในภาวะหัวเลี้ยวหัวต่อ จากกำลังซื้อที่ซบเซา ผสมโรงกับแบงก์เข้มงวดในการปล่อยกู้...
ท่ามกลางตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในภาวะหัวเลี้ยวหัวต่อ จากกำลังซื้อที่ซบเซา ผสมโรงกับแบงก์เข้มงวดในการปล่อยกู้…ยอด Reject Rate (อัตราการปฏิเสธสินเชื่อ) บ้านและคอนโดฯ ระดับราคา 1-2 ล้านบาท พุ่งปรี๊ดดด 70% ส่วนตลาดอื่น ๆ อยู่ที่ 40% ส่งผลให้มีตัวเลขอสังหาริมทรัพย์ค้างสต๊อกเหลือบานเบอะ มูลค่าสูงถึง 2 ล้านล้านบาท…โดยบ้านใหม่หดตัวแรง แต่บ้านมือสองกลับเติบโตดีแฮะ…
จากข้อมูลของศูนย์อสังหาริมทรัพย์ (REIC) ระบุว่า ในไตรมาส 2/2568 บ้านมือสองมีจำนวนหน่วยที่ประกาศขายรวมกันทั้งสิ้น 189,382 หน่วย เพิ่มขึ้น 34.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีมูลค่ารวม 758,502 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่เทียบกับไตรมาสก่อนพบว่าจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น 4.7% และมูลค่าเพิ่มขึ้น 26.4%สะท้อนภาพบ้านมือสองที่ขยายตัวต่อเนื่องทั้งในด้านจำนวนและมูลค่า
ตอกย้ำถึงโอกาสทางธุรกิจของบริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BKA เจ้าพ่อแห่งวงการรีโนเวตบ้านมือสองที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ mai มาเมื่อช่วงต้นปี 2568 (22 เม.ย. 2568) ด้วยไอพีโอ 1.80 บาท ได้เงินระดมทุนไป 108 ล้านบาท
ขณะที่ก่อนหน้านี้ BKA ไปจับมือกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM และธนาคารยูโอบี (UOB) เพื่อสร้างโมเดลธุรกิจครบวงจร “ทรัพย์-พัฒนา-การเงิน” โดย BAM จะคัดเลือกทรัพย์สินรอการขาย (NPA) มาพัฒนาร่วมกับ BKA รับหน้าที่รีโนเวตให้สวยพร้อมอยู่ และ UOB สนับสนุนสินเชื่อพิเศษ (ดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี) เพื่อช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงบ้านมือสองคุณภาพดีในทำเลศักยภาพ ราคา 5-10 ล้านบาทได้ง่ายขึ้น ตั้งเป้าพลิกทรัพย์ร้างให้มีมูลค่าและเพิ่มยอดขายได้สูง
ทำให้ BKA มีพอร์ตบ้านมือสองที่ต้องรีโนเวตมากขึ้น..!!
แต่เงินที่ได้จากการระดมทุนอาจไม่เพียงพอ…ซึ่งหาก BKA ไม่ทำอะไรเลย ก็จะเป็นการเสียโอกาสทางธุรกิจไปเปล่า ๆ เลยเป็นที่มาของการเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 105 ล้านหุ้น จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering) ในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 0.60 บาท คิดเป็นมูลค่า 63 ล้านบาท
ถ้ามองชั้นเดียวเชิงเดียว แน่นอนว่าจะเกิดไดลูชั่น เอฟเฟ็กต์กับผู้ถือหุ้น…อันนี้ไม่เถียง
มิหนำซ้ำ BKA เพิ่งเข้าตลาดฯ มาไม่ทันครบปีประกาศเพิ่มทุนซะแล้ว…ก็ไม่แคล้วถูกมองในเชิงลบ มีปัญหาสภาพคล่องป๊ะเนี่ย..??
แต่เกมนี้ต้องมองกันยาว ๆ เนื่องจากวัตถุประสงค์การใช้เงินเพิ่มทุน RO ครั้งนี้ ชัดเจนว่าจะนำไปขยายการลงทุน…สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวธุรกิจ โดยจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อสนับสนุนการลงทุนในการขยายช่องทางและโอกาสทางธุรกิจ ตลอดจนเสริมสร้างสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง และเสถียรภาพฐานะทางการเงินของบริษัท ภายในระยะเวลา 2 ปี
BKA ไม่ได้เพิ่มทุนเพื่อนำเม็ดเงินไปใช้หนี้ ใช้รักษาสถานะทางการเงิน หรือแก้ปัญหาเครื่องหมาย C เหมือนอีกหลาย ๆ บริษัทซะเมื่อไหร่..??
นั่นทำให้โอกาสในการ Growth จะช่วยชดเชยไดลูชั่น เอฟเฟ็กต์ที่เกิดขึ้นได้ละมั้ง…เชื่อหัวไอ้เรืองสิ
เท่ากับว่าเงินที่ผู้ถือหุ้น BKA ใส่เข้าไปเพิ่มก็ไม่น่าจะสูญเปล่า..!?
อย่างน้อย ๆ ก็พออุ่นใจว่าน่าจะได้รับผลตอบแทนจากมูลค่าการลงทุนที่คุ้มค่าแหละน่า..!!
อ้อ…หลายคนยังไม่รู้ล่ะสิว่า บ้านมือสองที่มีการรีโนเวตใหม่ขายต่อ จะให้กำไรอยู่ที่ 10-15% ต่อหลัง สูงกว่าบ้านใหม่ที่ได้กำไรหลักเดียวนะจิบอกให้…
ส่วนวานนี้ (15 ธ.ค. 2568) ที่เห็นปรากฏการณ์หุ้น BKA ถูกเทขายอย่างหนัก จนระหว่างวันราคาทรุดไปต่ำสุดที่ 0.81 บาท ก่อนจะปิดตลาดที่ 0.84 บาท ปรับลดลง 6.67% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.02 ล้านบาท
ระวังจากที่ขายเพื่อหนีตายจะกลายเป็นขายหมู…ไม่รู้ด้วยนะ
…อิ อิ อิ…