ไม่ซื้อแบงก์..พลาดอย่างแรง

บอกตามตรงว่า อีฉันรู้สึกงงอย่างมากที่เห็นหุ้นแบงก์พากันยกโขยงขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ทั้งที่วันก่อนเพิ่งมีข่าว กนง. ประกาศลดดอกเบี้ย 0.25%


บอกตามตรงว่า อีฉันรู้สึกงงอย่างมากที่เห็นหุ้นแบงก์พากันยกโขยงขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ทั้งที่วันก่อนเพิ่งมีข่าว กนง. ประกาศลดดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งทำให้ดอกเบี้ยนโยบายลงมาอยู่ที่ 1.25% จากเดิมอยู่ที่ระดับ 1.50% และเป็นปัจจัยที่กระทบโดยตรงต่อความสามารถในการทำกำไรของแบงก์ แต่เอฟเฟกต์จริงกลับเป็นการขายอย่างหนักหน่วงที่หุ้นไฟแนนซ์แบบนี้..ไปไม่เป็นเลยค่ะ

เนื่องจากเรื่องทั้งหมดมันขัดแย้งกับสิ่งที่ “โมนิก้า” ร่ำเรียนมาอย่างสิ้นเชิง แต่สุดท้ายก็มีคนมาเฉลยให้ฟังว่า ธุรกิจแบงก์ถือเป็นธุรกิจที่แข็งแรงสุดของประเทศไทย ผนวกกับราคาหุ้นต่ำกว่าระดับเหมาะสมเยอะ รวมทั้งเป็นหุ้นที่ปันผลดีสุดในเวลานี้ นักลงทุนสถาบันเลยหวนกลับเข้ามาไล่ซื้อหุ้นแบบดุดัน และที่ขาดไม่ได้เลยคือ โครงการซื้อหุ้นคืนเป็นตัวค้ำหุ้นในกระดานอย่างยอดเยี่ยมพะยะค่ะ

งานนี้ใครจะเชื่อแบบไหน? หรือใครจะไม่เชื่ออะไรเลย? ก็เป็นวิจารณญาณของแต่ละคน เพราะตัวอีฉันก็ไม่ใช่ผู้หยั่งรู้ไปหมดทุกเรื่อง (แต่ชอบแส่เรื่องชาวบ้าน) จึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดของดัชนีที่ระดับ 1,250.07 จุด ลบไป 6.78 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4 หมื่นล้านบาท ท่ามกลางหุ้นใหญ่กลุ่มอื่นโดนรินขายเป็นระยะ ขณะที่หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กไม่มีแรงซื้อเข้ามาเลยแบบนี้..หุ้นไทยจะรอดไหมเอ่ย?

ส่วนรายที่ลอยลำอย่าง TTB กลายเป็นดาวดังที่นักลงทุนพูดถึงไม่ขาดปาก เพราะการขึ้นมายืนเหนือ 2 บาท ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 2.08 บาท บวกไป 0.09 บาท หรือขึ้นไป 4.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.94 พันล้านบาท ถือเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของหุ้นตัวนี้ เพราะเป็นเวลา 6 ปีกว่าที่หุ้นขึ้นมายืนปิดในราคาสูงระดับนี้ แต่ยังต้องลุ้นต่อไปว่า วันนี้ยังมีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่องขนาดไหนด้วยนะจ๊ะ

ประเด็นข้างต้นทำให้อีฉันต้องเอ่ยถึงหุ้น SCB เป็นรายถัดมา เพราะตัวนี้มีดีทั้งเรื่อง “ปันผล” และ “อัพไซด์” รวมทั้งเป็นแบงก์ที่อยู่แถวหน้าของประเทศไทย อีฉันถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 136 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 1.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.17 พันล้านบาท ท่ามกลาง PE 9.20 เท่า และให้ปันผลที่ระดับ 7.80% น่าจะคุ้มค่ากับการลงทุน เพราะหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูง และความเสี่ยงต่ำมีไม่มากนะซี

สำหรับคนที่ชอบลงทุนในสไตล์ “ช้าแต่ชัวร์” คงต้องมองไปที่หุ้น BBL แบบไม่ลังเลใจ เพราะการยืนปิดที่ระดับ 169 บาท บวกไป 3.50 บาท หรือขึ้นไป 2.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.89 พันล้านบาท เป็นการเทรดบน PE 6.50 เท่า และให้ผลตอบแทนในรูปปันผลที่ระดับ 5.14% มันเป็นภาพสะท้อนที่ชี้ให้เห็นว่า ถ้าเน้นลงทุนระยะกลางถึงระยะยาว หุ้นตัวนี้ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ไม่สามารถมองข้ามได้นะนายจ๋า!

เช่นเดียวกับในรายของ KKP ซึ่งช่วงหลังอาจไม่มีข่าวสารอะไรที่น่าตื่นเต้น แต่ถ้าดูความสามารถในการทำกำไรที่มาแบบเนิบ ๆ และแรงซื้อที่เข้ามาเป็นระยะ “โมนิก้า” ก็จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องของ PE ที่ระดับ 9.60 เท่าเป็นลำดับแรก ต่อจากนั้นคอยมาดูเรื่องปันผลที่ระดับ 6.22% และสุดท้ายค่อยให้นักลงทุนสรุปการยืนปิดที่ระดับ 67.50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 2.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 442 ล้านบาท น่าสนใจอะป่าว?

อ้อ..อย่าลืมว่า KTB ซึ่งเป็นแบงก์รัฐที่คอยตอบสนองทุกรัฐบาล และรับจบโครงการใหญ่ ๆ ยังเป็นทีเด็ดในการเล่นทุกยุคทุกสมัย “โมนิก้า” จึงไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายอะไรให้ยืดเยื้อ เพราะแค่คุมหนี้เสียให้อยู่หมัด ตัวเลขกำไรก็จะโตดีเหมือนแบงก์อื่น ๆ และการยืนปิดที่ระดับ 29.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 3.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.72 พันล้านบาท เทียบกับราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 33 บาท มันน่าสนใจไหมเจ้านาย!

โมนิก้าและทีมงาน

Back to top button