ความเสี่ยงมาเยือนพลวัต 2016

แล้วตลาดหุ้นและตลาดน้ำมันขาขึ้นทั่วโลก ก็ถูกแรงระเบิด 2 ครั้งที่ บรัสเซลส์ เมืองหลวงของสหภาพยุโรปวานนี้ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 90 ราย ดึงรั้งให้ร่วงลงมาตามสัญญาณลบที่เกิดขึ้น แม้ว่า ผลลัพธ์ต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของการก่อการร้ายที่เกิดขึ้น จะไม่กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมมากนัก แต่ในทางจิตวิทยาของการลงทุน ความเสี่ยงที่เกิดขึ้น คือสัญญาณเตือนภัยที่ดีว่า เมื่อใดที่มันแวะมาเยี่ยมเยือน ก็ได้เวลาของการปรับพอร์ตระลอกใหม่ได้แล้ว เพื่อความปลอดภัยของเงินลงทุน


วิษณุ โชลิตกุล

 

แล้วตลาดหุ้นและตลาดน้ำมันขาขึ้นทั่วโลก ก็ถูกแรงระเบิด 2 ครั้งที่ บรัสเซลส์ เมืองหลวงของสหภาพยุโรปวานนี้ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 90 ราย ดึงรั้งให้ร่วงลงมาตามสัญญาณลบที่เกิดขึ้น แม้ว่า ผลลัพธ์ต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของการก่อการร้ายที่เกิดขึ้น จะไม่กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมมากนัก แต่ในทางจิตวิทยาของการลงทุน ความเสี่ยงที่เกิดขึ้น คือสัญญาณเตือนภัยที่ดีว่า เมื่อใดที่มันแวะมาเยี่ยมเยือน ก็ได้เวลาของการปรับพอร์ตระลอกใหม่ได้แล้ว เพื่อความปลอดภัยของเงินลงทุน

การปรับพอร์ตลงทุนในยามที่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นกะทันหันอย่างนี้ บรรดาผู้จัดการกองทุน และนักลงทุนในตลาดความเสี่ยงทั้งหลายมีสัญชาตญาณพิเศษที่ฉับไวเสมอ จึงไม่แปลกที่จะมีคนระบุว่า นี่คือบทพิสูจน์ความช่ำชองของนักลงทุนอีกครั้งหนึ่ง

ทันทีที่เสียงระเบิดในบรัสเซลส์ (ซึ่งโดยสัญลักษณ์ทางการเมืองคือ การเตือนสติคนยุโรปที่มีท่าทีต่อต้านผู้ลี้ภัยจากตะวันออกกลางและมุสลิมอย่างชัดเจน) กองทุนเฮดจ์ฟันด์ขนาดใหญ่ พากันทิ้งหุ้น เพื่อกระจายพอร์ตไปสู่ทองคำ และตลาดตราสารหนี้หรือพันธบัตรรัฐบาลอย่างฉับไว

ราคาหุ้นสายการบิน โรงแรม และการท่องเที่ยวทั้งหลายในยุโรป ร่วงกราวรูด ลามไปถึงธุรกิจทำนองเดียวกันทั่วโกลไม่มากก็น้อย เพราะจากนี้ไป ข้อจำกัดในการเดินทางจะเพิ่มมากขึ้นเพื่อป้องกันเหตุร้ายซ้ำอีก

เจ้าหน้าที่ยุโรปประกาศคุมเข้มความปลอดภัยในสนามบิน รถไฟใต้ดิน ด่านชายแดน และตามท้องถนนทั่วยุโรป รวมทั้งมอสโก สนามบินจำนวนมากในยุโรปวานนี้ถูกปิดทำการบิน กะทันหันเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยเข้มงวด ในขณะที่ยูโรสตาร์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรถไฟเชื่อมโยงกรุงลอนดอน-กรุงบรัสเซลส์-กรุงปารีส ผ่านทางอุโมงค์ช่องแคบอังกฤษได้ประกาศระงับการให้บริการรถไฟความเร็วสูงไปยังสถานีบรัสเซลส์

ราคาทองคำแท่งในตลาดโลกที่กำลังหันรีหันขวาง ว่าจะลงหรือขึ้นดีมาหลายวัน พากันวิ่งกระฉูดเพราะแรงซื้อที่ถาโถมเข้ามา บวกไปก่อนค่ำวานนี้มากถึง 10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทะลุแนวต้านไปเหนือ 1,255 ดอลลาร์ต่อออนซ์อย่างรวดเร็ว ส่วนจะทะลุไปเหนือ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้หรือไม่ คงต้องขึ้นกับสถานการณ์ในระยะต่อไปว่า จะบานปลายแค่ไหน

ราคาพันธบัตรในญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐฯพุ่งขึ้น สวนทางกับอัตราผลตอบแทนของพันธบัตร หรือบอนด์ยีลด์โดยอัตโนมัติ เป็นปฏิกิริยา “เข่ากระตุก” ที่เกิดขึ้นทุกครั้ง ครั้งนี้ก็ไม่มีเว้น เพราะเงินที่ไหลจากตลาดเก็งกำไรสูงในหลักทรัพย์ที่เสี่ยงอย่างสินค้าโภคภัณฑ์ (ไม่นับทองคำ) และหุ้นสารพัด ได้เคลื่อนย้ายหนีตายมาประดังกันที่ตลาดดังกล่าว

ตลาดหุ้นลอนดอน และค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิง ดูจะได้รับผลทางลบแรงกว่าที่อื่นๆ เพราะแรงขายเงินปอนด์ และหุ้นในลอนดอน  จากความหวาดกลัวว่า ระเบิดที่เกิดขึ้นวานนี้ จะเร่งปฏิกิริยาของคนอังกฤษที่จะเข้าคูหาแสดงประชามติในอีก 2 เดือนข้างหน้า ยอมรับข้อเสนอถอนตัวออกจากยูโรโซน (Brexit)  ด้วยความรู้สึกรังเกียจผู้อพยพ และมุสลิมเจือปนกัน

จากประสบการณ์ของความรุนแรงที่นำไปสู่โศกนาฏกรรมทุกครั้ง จะพบว่า ตลาดหุ้นและตลาดเก็งกำไรทุกแห่ง ล้วนถูกปฏิกิริยาเฉพาะหน้าทำให้ร่วงลงไปทันที แต่หลังจากเวลาผ่านไป และสถานการณ์ไม่บานปลายเพิ่มขึ้น เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ตลาดก็จะเริ่มซึมซับข่าวร้าย แล้วหันไปหาข้อมูลการลงทุนที่มีความสำคัญและเชื่อมโยงกันมากกว่า ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน หรือ ความเสี่ยงของระบบธนาคาร หรือ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และพลังงานเพิ่มขึ้นหรือลดลงเป็นพื้นฐาน ซึ่งวนเวียนกันเป็นปัจจัยขับเคลื่อนตลาด

ครั้งนี้ก็คงไม่แตกต่างกัน แม้ว่าในระยะสั้น เสียงระเบิดจะทำให้คนลืมเรื่องของการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดฯ หรือการเคลื่อนย้ายทุน หรือ ฟันด์โฟลว์ และผลประกอบการสิ้นงวดไตรมาสไปชั่วขณะ แต่ท้ายสุด เมื่อเหตุการณ์ร้ายแรงสงบลง ปัจจัยทางเศรษฐกิจก็จะย้อนกลับมามีอิทธิพลเหนือตลาดตามปกติ

ก่อนหน้าแรงระเบิดที่บรัสเซลส์วานนี้ นักลงทุนทั่วโลกกำลังเพิ่มความสนใจไปที่ท่าทีของเจ้าหน้าที่หรือกรรมการเฟดฯสหรัฐฯที่หลายคนออกมาแย้มพรายแบบโยนก้อนหินถามทางล่วงหน้าว่า สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วที่สุดในเดือนเมษายน หรือช้าสุดไม่เกินเดือนมิถุนายน หากข้อมูลเศรษฐกิจยังคงเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ นั่นคือ ขยายตัวได้ดี หากไม่มีปัจจัยเศรษฐกิจโลกมาเหนี่ยวรั้งเอาไว้

 นอกจากนั้น ความสนใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนก็ยังเป็นประเด็นสำคัญ เพราะข้อมูลล่าสุดที่ชัดเจนว่า การเติบโตที่ช้าลงของจีนช่วงปรับดุลยภาพเศรษฐกิจ จากพึ่งพาการลงทุนและการส่งออกเป็นหลักหลายทศวรรษ จะมุ่งไปเป็นการบริโภคและการยกระดับภาคบริการแทน  ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจพังทลายลงไป แต่เพิ่มข้อเรียกร้องให้รัฐบาลปักกิ่ง เดินหน้าการปฏิรูปตลาดการเงิน และพัฒนากลไกอัตราแลกเปลี่ยนของหยวนให้สอดคล้องกับหลักการด้านความเป็นอิสระ ที่ไม่นำไปสู่สงครามค่าเงิน

ความสนใจต่อปัจจัยเสี่ยงและโอกาสทางเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยของเฟดฯ หรือ การเติบโตของจีน อาจจะถูกลืมไปได้ชั่วขณะเมื่อมีเหตุร้ายจากการก่อการร้ายเกิดขึ้น (โดยเฉพาะปฏิบัติการของพวก IS ที่ออกมายอมรับแล้วว่าเป็นผู้ลงมือเอง) แต่ก็เป็นปัจจัยที่มีผลซึมลึกมากกว่าเสมอ

โลกไม่เคยร้างปัจจัยเสี่ยง แต่ทุกๆ เหตุร้ายล้วนเรียกร้องให้นักลงทุนต้องทำจิตใจให้คุ้นเคย เพื่อค้นหาโอกาสในยามเกิดวิกฤติ ไม่ใช่สร้างวิกฤติในยามที่โอกาสเปิดกว้าง

Back to top button