ฝรั่งลุย! โมนิก้าและทีมงาน

*เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ต้องนั่งอ่านบทวิเคราะห์ และบทสัมภาษณ์ของโบรกเกอร์ต่างๆ ตลอดทั้งภาคเช้าและภาคบ่ายอย่างละเอียด ก่อนจะสรุปย่อยๆ ออกมาเป็นประเด็นสำคัญๆ ก็พบว่า ทุกคนยังมองตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นตัวชี้นำทิศทางการลงทุน  เดี๊ยนก็เลยไม่แปลกใจที่เห็นมาร์เก็ตติ้งต่อสายหาลูกค้าเพื่อบอกให้คุณลุง คุณป้า คุณน้า คุณอา ใส่ให้เต็มที่ อย่ากั๊กเป็นอันขาด หุ้นก็เลยพุ่งปรี๊ดอย่างที่เห็นเจ้าค่ะ

*แถมคอมเมนต์จากกูรูสำนักใหญ่ๆ ก็พูดไปในทางเดียวกันว่า ตลาดหุ้นยังมีโมเมนตัมที่ดี แต่ไม่ได้ดีมากจนเกินไป เพราะยังมีปัญหาหลายอย่างที่รอวันปะทุขึ้นมาอีกรอบ เพียงแต่ระยะสั้นๆ ปัญหาหลายอย่างดูผ่อนคลายลงไปเยอะ อีกทั้งแรงเทขายของฝรั่งตาน้ำข้าวก็แปรเปลี่ยนเป็นแรงซื้อ ภาพการลงทุนถึงดูดีขึ้นภายในชั่วข้ามคืน…แต่ปัญหาที่ต้องขบคิดต่อไปก็คือ ฝรั่งตาน้ำข้าวจะซื้อหนักๆ เหมือนเมื่อวันศุกร์ที่ซื้อเข้าพอร์ต 5.50 พันล้านบาทแบบนี้ต่อไปเหรอค่ะ

* “โมนิก้า” จึงค่อนข้างมั่นใจว่า ทิศทางการลงทุนจะเป็นลักษณะเล่นสั้นๆ  นักลงทุนกลุ่มต่างๆ ก็คงสลับหมุนเวียนกันเข้ามาเล่นหุ้นกันอีกตามเคย!!..ตรงจุดนี้แหละที่ยากต่อการประเมินสถานการณ์ เพราะทุกคนกำหนดแนวทางการลงทุนสั้นๆ เป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้การประเมินว่า ดัชนีจะไปเท่านั้น เท่านี้..ไม่สามารถใช้การได้เป็นการชั่วคราว..วินาทีนี้ต้องวัดกันที่ ปฏิภาณไหวพริบแต่ละบุคคล รวมถึงความกล้าบ้าบิ่นอีกด้วยเจ้าค่ะ

*หากสรุปแบบสั้นๆ ให้ได้ใจความก็คือ “รู้เขารู้เราร้อยรบไร้พ่าย ไม่รู้เขารู้เราจะชนะครึ่งหนึ่ง ไม่รู้เขาไม่รู้เราจะแพ้ทุกศึก” และเมื่อถอดรหัสความดังกล่าวออกมาใช้กับตลาดหุ้นไทยก็คือ “นักลงทุนที่ดีต้องติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างแตกฉาน” ซึ่งเป็นเนื้อหาที่ “โมนิก้า” พยายามพูดตอกย้ำนักลงทุนอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ก่อน..หากใครเชื่อตามสิ่งที่เดี๊ยนเม้าท์แตกไว้ รับรองอยู่รอดปลอดภัยกันทุกคนเจ้าค่ะ

*ส่วนหุ้นกลุ่มบลูชิพที่พากันลิงโลดในยามนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นโบนัสพิเศษให้กับนักลงทุนที่เล็งเห็นการณ์ไกล หาจังหวะทยอยซื้อหุ้นเก็บไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมกันนั้นก็ขอยืนยันอีกครั้งว่า “นี่เป็นรอบของการเทขายทำกำไร” จึงไม่ต้องการเห็นนักลงทุนนอนกอดหุ้นเกินกว่า 50% เพราะแนวทางดังกล่าวเป็นการปล่อยโอกาสทองหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย..สมัยนี้เขาต้อง “มาเร็ว เคลมเร็ว” พะยะค่ะ

*โดยเฉพาะในรายของ GL หุ้นดี อนาคตสดใส (เขาว่ามาอย่างนั้น) หลายคนบอกว่า ไตรมาส 2 ผลการดำเนินงานจะออกมาดี และทุกอย่างจะเดินหน้าไปอย่างมีนัยสำคัญ ผนวกกับเป็นหุ้นที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนักลงทุนสามารถเข้าลงทุนได้ง่ายๆ เดี๊ยนถึงมองว่า การที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 34 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 9.70 % ด้วยมูลค่า 400 ล้านบาท  ลงทุนได้อยู่แล้ว!! จึงแจ้งให้ทราบโดยทั่วไปนะค่ะ

*ดาวเด่นอีกตัวที่ “โมนิก้า” ชอบมากที่สุดก็คือ TKN  เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีสตอรี่รองรับ และทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องก็มีเรื่องผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เห็นราคาหุ้นทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง แถมเมื่อเดี๊ยนลองนั่งดีดลูกคิดไปมาก็พบว่า กระแสมาแรง!!… ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้เดี๊ยนต้องแนะนำให้ตามน้ำ หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 16 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 6.70% ด้วยมูลค่า 911 ล้านบาท มันไม่มีอะไรต้องลังเลใจอีกแล้วนะคะ

*ร้อนแรง แรงร้อน ต้องยกให้ AAV ว่ากันว่าเป็นหุ้นที่คัมแบ็กอย่างเต็มรูปแบบ และมีความเป็นไปได้ที่หุ้นจะไต่ระดับสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะข่าวเม้าท์ที่พูดกันหนาหูบอกว่า ดีลทางธุรกิจยังเดินหน้าเหมือนเดิม!! หุ้นถึงวิ่งขึ้นมาปิดที่ 6.30  บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 2.40% ด้วยมูลค่า 570 ล้านบาทอย่างแข็งแกร่ง ในขณะที่แรงเทขายก็ไม่หนาแน่นเหมือนก่อนแบบนี้..ราคาเป้าหมาย 8 บาทคงไม่ไกลเกินไปมั้ง!..อิอิอิ

*สำหรับหุ้นเก็งกำไรยอดนิยม SIM  “โมนิก้า” วิเคราะห์จากมุมไหน ด้านไหน หุ้นต้องอ่อนตัวลงมาวันยังค่ำ เพราะการขึ้นเที่ยวนี้มันหมายความว่า ปี 59 กำไรของบริษัทต้องโตดับเบิ้ล ถึงจะทำให้ราคาหุ้นพุ่งทะยานได้อย่างมั่นคง..แต่ในความเป็นจริงกลับพบว่า ทั้งหมดมาจากความเชื่อสถานเดียว หุ้นถึงกระชากขึ้นมาปิดที่ 1.21 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 5.20% ด้วยมูลค่า 120 ล้านบาทไงล่ะค่ะ

*เหมือนกับกรณีของ SOLAR  “โมนิก้า” ขอเรียนตามตรงว่า ไม่เคยเชื่อว่าหุ้นตัวนี้จะเป็นหุ้นทางเลือก หรือจะเป็นหุ้นเทิร์นอะราวด์เหมือนกับที่บางคนให้ข่าว เนื่องจากเล่ห์สนกลในที่แสดงออกมาในแต่ละรอบนั้น..ล้วนเป็นเรื่องร้อนที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว และยังเป็นแหล่งชุมนุมของพวกขาใหญ่ ย่อมทำให้หุ้นตัวนี้เป็นหุ้นตราหัวกะโหลกไขว้ในบัดดล..งานนี้บอกได้คำเดียวว่า ใครบริโภคลงไป ตายหยังเขียดสถานเดียว ล่าสุดหุ้นยืนอยู่ที่ 4.12 บาท ลบไป 0.04 บาทพะยะค่ะ

*ส่วนหุ้นที่เดี๊ยนแอบปลื้มอย่าง GLOBAL ยังเป็นทางเลือกหลักในการลงทุนในยามนี้เหมือนเดิม เพราะมีจุดขายอยู่ที่ผลประกอบการและที่ผ่านมาราคาหุ้นก็ยังปรับตัวขึ้นไม่มากสักเท่าไหร่ รวมทั้งมีข่าวดีเรื่องพัฒนาการที่ทำให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน และยังเป็นหุ้นที่มาแรงเป็นประจำเมื่อนักลงทุนสถาบันหวนกลับเข้ามาลงทุน เมื่อวันศุกร์ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 12.70 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 5.83 % ด้วยมูลค่า 220 ล้านบาท บอกได้แค้ว่า  ซื้อไว้ไม่มีผิดหวังเจ้าค่ะ