พาราสาวะถี

อรชุน ว่าแล้วมันไม่ใช่เรื่องปกติแน่ ๆ ที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ส่งหนังสือถึงรัฐบาลไทยให้พิจารณาทบทวนการแบน 3 สารพิษโดยเฉพาะไกลโฟเซต แต่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็โยนไปให้เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจง ขณะที่ 2 รัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทย อนุทิน ชาญวีรกูล และ มนัญญา ไทยเศรษฐ์ ก็ภาคภูมิใจกับผลงานชิ้นโบว์แดงชิ้นนี้ และไม่ยี่หระต่อท่าทีจากพี่เบิ้มของโลก พร้อมยืนยันเป็นเรื่องภายในและกฎหมายของประเทศไทย ความจริงมันก็ใช่เพราะมีหลายสิบประเทศที่ได้แบนการใช้สารเคมีทั้งสามชนิดดังกล่าว พอเจอข่าวท่าทีที่แข็งกร้าวจากรัฐมนตรีของไทยเข้าไป ปรากฎว่าสหรัฐอเมริกาก็สำแดงเดชเพื่อให้เห็นถึงความเป็นมหาอำนาจทันทีทันใด ยิ่งในยุคของผู้นำที่ชื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อมีการประกาศระงับการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไปหรือจีเอสพีกับสินค้าไทยเกือบ 600 รายการ คิดเป็นมูลค่าเกือบ 4 หมื่นล้านบาท โดยการอ้างเหตุผลที่ว่า ไทยล้มเหลวในการจัดสิทธิที่เหมาะสมให้กับแรงงานตามหลักสากล ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็มองกันได้ไม่ยากว่านั่นเป็นเหตุผลรอง แต่สาเหตุที่แท้จริงนี่คือตอบโต้เรื่องที่ทางการไทยสั่งแบน 3 สารพิษ ซึ่งสหรัฐฯ ได้ทักท้วงโดยทำหนังสือถึงรัฐบาลมาแล้วแต่ยังเมินเฉย อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงพาณิชย์เตรียมที่จะแถลงข่าวชี้แจงเรื่องนี้ในวันนี้ ขณะที่ภาพใหญ่รัฐบาลก็เตรียมใช้เวทีประชุมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการประชุมอาเซียนซัมมิทที่ไทยเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 2-4 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งจะมีเวทีคู่ขนาน และจะมีตัวแทนสหรัฐฯ มาร่วมประชุมด้วย หาทางเจรจาเพื่อแก้ปัญหา ทั้งนี้ สินค้าไทยที่อยู่ในรายการที่จะถูกตัดสิทธิจีเอสพีนั้น จะมีผลตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2563 แม้จะมีเวลาอีกระยะหนึ่ง แต่ สุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหรือส.อ.ท. มองว่าเอกชนกังวลต่อเรื่องนี้และเชื่อว่าจะมีผลกระทบอย่างแน่นอน แม้จะมีความเชื่อมั่นว่าสินค้าที่ถูกตัดสิทธิจีเอสพีเป็นสินค้าที่ตลาดสหรัฐฯ ยังมีความต้องการ เพราะผู้ประกอบการไทยผลิตสินค้าคุณภาพ แต่ด้วยมาตรการที่ออกมาย่อมส่งผลกระทบโดยตรงและถือเป็นความโชคร้าย 2 เด้งสำหรับผู้ประกอบการส่งออก เพราะปัจจุบันกำลังเผชิญกับสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าที่สุดในโลก ที่มีผลโดยตรงและสาหัสกันเป็นที่สุด ดังนั้น นอกจากรัฐบาลจะเร่งแก้เรื่องถูกตัดจีเอสพีแล้ว ยังต้องเข้ามาดูแลเรื่องเงินบาทโดยด่วนด้วย ต้องติดตามสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิด ทีมงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลที่วันนี้มีกันหลายพรรคจะแก้เกมนี้กันแบบไหน หรือสุดท้ายต้องรอให้ฝ่ายค้านการแบนไปยื่นร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอคุ้มครองชั่วคราวให้ชะลอการแบนสารพิษดังกล่าวออกไปก่อน แน่นอนว่า ชี้นำกระบวนการตัดสินของศาลไม่ได้ แต่หากศาลมีคำสั่งให้คุ้มครอง ก็อาจจะพอมีช่องให้ทางฝ่ายรัฐบาลนำไปเป็นประเด็นเจรจากับพี่เบิ้ม เพื่อหาหนทางรอมชอม รวมทั้งหาทางเจรจาฝ่ายเดินหน้าแบนในพรรคร่วมไม่ให้กินแหนงแคลงใจกันด้วย ไม่เหนือความคาดหมายกับการใช้กลไกของคณะกรรมาธิการสามัญในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อตรวจสอบทางการเมืองในเรื่องต่าง ๆ เพราะถือเป็นหนทางที่พรรคฝ่ายค้านใช้จัดการกับรัฐบาลมาทุกยุคทุกสมัย แม้จะเข้าใจกันได้ว่าปลายทางไม่สามารถที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใด ๆ แต่อย่างน้อยก็ทำให้สังคมได้เห็นว่า การทำหน้าที่ของฝ่ายค้านนั้นเป็นไปอย่างเข้มแข็งและมุ่งไปในการที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นสำคัญ คงเห็นความร่วมมือจาก พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบกที่มีต่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ และผลที่ได้ถือเป็นไปในเชิงบวก พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบหรือกมธ.ป.ป.ช. จึงส่งหนังสือเชิญ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่น้อง 2 ป. เข้าให้ข้อมูลในประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ เชื่อได้เลยว่าผลที่จะตามมาไม่ได้เป็นเหมือนคราวผบ.ทบ.กับกมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ อย่างแน่นอน ด้วยเหตุผลว่าประเด็นที่เชิญมานั้น คนในรัฐบาลโดยเฉพาะผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่ต้องการที่จะตอบคำถามใด ๆ เห็นได้ชัดมาตั้งแต่ตอนที่ฝ่ายค้านเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติแล้ว เจ้าตัวก็โบ้ยไปให้ วิษณุ เครืองาม ทำหน้าที่ร่ายยาวแบบตอบไม่ตรงคำถาม ดังนั้น การที่คณะกรรมาธิการเชิญมาแบบนี้จึงเดาคำตอบได้ไม่ยากว่าจะเป็นอย่างไร ยิ่งเนติบริกรประจำรัฐบาลชี้ช่องไว้ด้วยแล้ว คงไม่ต้องสืบ โดยวิษณุชี้ว่าผู้ถูกเชิญจะไปตอบด้วยตัวเองหรือไม่ก็ได้ แม้กรรมาธิการจะระบุในหนังสือเชิญว่าไม่รับการชี้แจงแทน แต่ก็สามารถชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรแทนการเดินทางไปพบได้ รวมทั้งต้องดูเรื่องที่จะไปตอบด้วยหากไม่เหมาะสมก็ไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นคณะกรรมาธิการป.ป.ช.คงเงื้อดาบรอเก้อ ที่สำคัญอย่าลืมว่ายังมีกรรมาธิการจากซีกรัฐบาลที่ย่อมเห็นต่างจากพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์อย่างสิ้นเชิงแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น อาจจะมีการสาวไส้กันไปมา ส่วนสองพี่น้องตระกูลป. ก็แสดงท่าทีชัดเจน โดยผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจทำท่ายกมือบ๊ายบายและเดินหนีนักข่าวทันทีที่ได้ยินคำถามพร้อมกับชื่อพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ขณะที่พี่ใหญ่ก็อ้างว่าจะมาถามอะไรอีกเรื่องเหล่านี้ผ่านไปแล้วจบไปแล้ว แต่หากมองในมุมของความเป็นฝ่ายค้าน การถูกปฏิเสธให้ความร่วมมือในกลไกของสภา ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะนำไปใช้ประกอบเป็นเหตุผลในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ ขณะเดียวกันก็อย่าลืมเป็นอันขาดว่า คณะกรรมาธิการสามัญชุดต่าง ๆ ของสภาผู้แทนราษฎรนั้น ไม่ได้มีแค่คนของฝ่ายค้านที่เป็นประธานเท่านั้น ยังมีอีกหลายคณะที่มีคนของพรรคสืบทอดอำนาจเป็นแกนหลัก ฟันธงไว้ล่วงหน้าได้เลยว่า อีกไม่นานเราจะได้เห็นการใช้กลไกตรงนี้เรียกคนของฝ่ายค้านเข้าไปให้ข้อมูลบ้าง การเมืองสามานย์นั้นเขาเล่นกันแบบนี้และมีให้เราเห็นจนชินตาทุกยุคทุกสมัย