SET ผันผวน ระหว่างรอผลประชุม FED-BOJเคาะ 18 หุ้นเด็ด มีประเด็นหนุน-กำไร Q3 แจ่ม

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวอย่างผันผวน ระหว่างรอความชัดเจนจาก FED และ BOJ หลังวานนี้มีแรงขายลดความเสี่ยงจากกรณีดังกล่าว อย่างไรก็ตามการที่ดัชนียังสามารถยืนได้เหนือแนวรับระยะสั้นที่ 1,470 จุด ได้ทำให้ภาพรวมระยะสั้นยังไม่เสียหาย การลงทุนเน้นเก็งกำไรสั้น หรือลงทุนในหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/59 ดี และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.30 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.74 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยในเช้าวันนี้ ก่อนที่ตลาดจะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้นักลงทุนยังจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้เช่นกัน

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวอย่างผันผวน ระหว่างรอความชัดเจนจาก FED และ BOJ หลังวานนี้มีแรงขายลดความเสี่ยงจากกรณีดังกล่าว อย่างไรก็ตามการที่ดัชนียังสามารถยืนได้เหนือแนวรับระยะสั้นที่ 1,470 จุด ได้ทำให้ภาพรวมระยะสั้นยังไม่เสียหาย การลงทุนเน้นเก็งกำไรสั้น หรือลงทุนในหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/59 ดี และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

หุ้นเด่นเลือก BEAUTY-EA-TTA-PSL-RCL-ASIMAR-TOP-IRPC-SPRC-ESSO-BR-CPF-TWPC-BIG-TWPC-JMT-BCH และ TKN

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (2 ก.ย.) ว่า SET ยังสามารถยืนได้เหนือแนวรับระยะสั้นที่ 1,470 จุด ทำให้ Momentum ระยะสั้นยังไม่เสียหาย และด้วยการกลับมาซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติวานนี้ ทำให้คาดว่า SET จะยังเคลื่อนไหวในกรอบ 1,470-1,488 จุด วันนี้รอความชัดเจนการประชุม BOJ วันนี้ และการประชุม FOMC คืนนี้ ที่แม้คาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25-0.50% แต่ยังมองโอกาสที่จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชมุ เดือน ธ.ค. สูง 60% +/- อยู่

การที่ SET ยังสามารถยืนได้เหนือ 1,470 จุด ทำให้ยังสามารถ Trading ระยะสั้น โดยยังเน้นการ “จำกัด” พอร์ตต่อไป และแนะนำ “เลือกซื้อ” กลุ่มหุ้นที่มีประเด็นบวก ได้แก่:- 1) BEAUTY – คาดการณ์กำไรไตรมาส 3/59 แกร่ง ด้วยยอดขายเติบโตกว่า 46% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และกำไรทั้งปีเติบโต 47% จากปีก่อน

2) EA – ด้วยการ Refinance หนี้ 8 พันล้านบาทด้วยต้นทุนที่ต่ำลง, การ Roll-over เป้าหมายเป็นปี 2017, การรวมเอาโครงการ Green-Dieselรวมไปถึง Upside จาก Technology Battery Storage ทำให้ปรับเป้าหมายพื้นฐานขึ้นเป็น 32.00 บาท ยังมองกำไรเติบโตแกร่ง 50% ปีนี้ และ 30-28%ในปี 2017-18 ส่งผล PE จะลดลงเหลือ 18.9-14.7 เท่า ในปี 2017-18

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (2 ก.ย.) ว่า SET ที่ร่วงแรงวานนี้ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติไม่ได้ขายต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เหมือนกับที่กังวลแต่ยังเข้าซื้อพร้อมกันทั้ง 3 ตลาด คือ หุ้น ฟิวเจอร์ และ พันธบัตร ทำให้มีโอกาสที่ดีชะนีจะกลับมาฟื้นตัว

อย่างไรก็ตาม คาดการณ์เคลื่อนไหวของดัชนีจะเป็นไปอย่างผันผวน โดยเฉพาะในช่วงที่ทราบผลประชุมของ BOJ ประมาณ 11 นาฬิกาตามเวลาของบ้านเรา ซึ่งคาดว่าการเคลื่อนไหวของดัชนีหลังจากนั้นจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นญี่ปุ่น คือ ดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นแรงหาก BOJ ดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมและเหนือความคาดหมาย อาทิ ออกมาตรการ Helicopter money แต่อาจจะปรับตัวลดลงหาก BOJ ไม่ได้มีการออกมาตรการใหม่แต่คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลงไม่มากเนื่องจากเมื่อวานได้ปรับตัวลงสะท้อนผลดังกล่าวไปบ้างแล้ว

หุ้นในกลุ่มเดินเรือ (TTA, PSL, RCL, ASIMAR) จะยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนเนื่องจากดัชนีค่าระวางเรือ BDI ยังเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 1 ปี ล่าสุดเพิ่มขึ้น 29 จุด (+3.47%) ปิดที่ 865 จุด กลุ่มสื่อสารอาจจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาอีกครั้งเนื่องจากตลาดเริ่มวิเคราะห์หาความเกี่ยวโยงระหว่าง JAS และ Operator รายอื่น กลุ่มโรงกลั่น (TOP, IRPC, SPRC, ESSO) ได้ประโยชน์จากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น และน่าจะมีแรงซื้อกลับและเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/59 เติบโตดี อาทิ กลุ่มอาหาร BR, CPF, TWPC กลุ่มโรงพยาบาล BCH และหุ้นขนาดเล็กอื่นๆ BIG, TWPC, JMT

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : BCH (เป้า 13.50 บาท), TKN (เป้า 24.00 บาท) คาดกำไรไตรมาส 3/59  ทำ New High ต่อเนื่อง

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ก.ย.) ว่า แรงขายหุ้นไทยวานนี้เชื่อว่าเป็นการลดความเสี่ยงก่อนการประชุม FOMC และ BOJ กลยุทธ์การลงทุน ประเมินแนวรับดัชนีที่ระดับ 1,450-1,460 จุด แนวต้าน 1,480 จุด แนะนำเทรดดิ้งระยะสั้นตามกรอบการลงทุน เพื่อรอประเมินทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ

Back to top button