รวมทีม 3 หุ้นเด็ดสุดแกร่ง!กำไรไตรมาส 1 โตเกิน 50%

เปิดทำเนียบหุ้นสุดแกร่งที่สามารถสวนกระแสเศรษฐกิจชะลอตัวได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมกับโชว์ตัวเลขกำไรในไตรมาส 1 ปี 58 เติบโตเกินกว่า 50% สะท้อนถึงฝีมือในการบริหารงานล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับดวงแม้ตินิดเดียว ด้านกูรูตลาดหุ้นย้ำชัด “หุ้นเทพตัวจริง”


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลระหว่างช่วงการประกาศผลดำเนินงานประจำไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.58 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่ามีหุ้นอยู่ 3 ตัว ที่ประกาศผลดำเนินการไตรมาสดังกล่าวออกมาได้อย่างโดดเด่น โดยหุ้นเหล่านี้มีกำไรเติบโตเกิน 50% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน จนกลายเป็นหุ้นที่ควรค่าต่อการลงทุน เพราะทำกำไรได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัว

 

เริ่มต้นที่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.58  มีกำไรสุทธิ 557.72 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.604 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 107% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 270.05 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.321 บาทต่อหุ้น โดยผลการดำเนินงานที่มีกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีรายได้จากการขายและบริการไฟฟ้าเพิ่มขึ้น

ขณะที่ราคาหุ้น SPCG วานนี้ (11 พ.ค.) ปิดที่ระดับ 27 บาท ปรับตัวขึ้น 0.50 บาท หรือ 1.89% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 52.51 ล้านบาท

 

อันดับ 2 ได้แก่ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.58 มีกำไรสุทธิ 79.80 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.10 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 107% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 38.51 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.05 บาทต่อหุ้น ล้วนเป็นผลมาจากกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นสินค้าที่ให้ผลตอบแทนกำไรสูง และเป็นสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของตลาด จึงทำให้ยอดขายและกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นได้ตามรายได้รวม

ขณะที่ราคาหุ้น SYNEX วานนี้ (11 พ.ค.) ปิดที่ระดับ 3.80 บาท ปรับตัวขึ้น 0.72 บาท หรือ 23.38% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 174.62 ล้านบาท

 

อันดับ 3 ได้แก่ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.58 มีกำไรสุทธิ 974.71 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 1.34 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 638.77 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.88 บาทต่อหุ้น เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยในเพิ่มขึ้น 17.9% และ 18.1% ตามลำดับ อีกทั้งกลุ่มผู้ป่วยต่างประเทศมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

ขณะที่ราคาหุ้น BH วานนี้ (11 พ.ค.) ปิดที่ระดับ 179 บาท ปรับตัวลง 9 บาท หรือ 4.77% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 222.33 ล้านบาท

 

โดยกูรูตลาดหุ้นไทยได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวเลขกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นข้างต้น สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของผู้บริหารในการนำพาบริษัทสวนกระแสเศรษฐกิจชะลอตัวได้อย่างน่าทึ่ง และหุ้นเหล่านี้คือทางเลือกหลักที่นักลงทุนควรหันมามองในช่วงภาวะตลาดหุ้นผันผวน

“หากจะใช้คำพูดว่า นี่คือหุ้นเทพ ของจริงก็คงไม่ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงสักเท่าไหร่” แหล่งข่าวกล่าว

Back to top button