BPP ส่งซิกกำไรปีนี้โตสนั่น โบรกฯ ชี้ได้จังหวะซื้อ อัพไซด์เพียบ

BPP ส่งซิกกำไรปีนี้โตสนั่น รับ Q4/60 เข้าไฮซีซั่น เดินหน้าขยายกำลังการผลิตต่อเนื่อง โบรกฯ ชี้ได้จังหวะซื้อ หลังราคาย่อตัวลงดันอัพไซด์เพียบ


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP หลังรายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/60 มีกำไร 837.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% จากปีก่อนมีกำไร 488.65 ล้านบาท

ขณะที่ราคาหุ้น BPP ปิดตลาดวานนี้ (27 พ.ย.) อยู่ที่ 27.25 บาท ลบ 0.25 บาท หรือ 0.91% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 152.64 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวลงมาถึง 13% นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 30.75 บาท เมื่อวันที่ 31 ต.ค.60 นอกจากนี้ยังคงมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่ 32 บาทอยู่ 17%

ทั้งนี้นักวิเคราะห์มองว่า จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาจึงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเก็งกำไรสำหรับนักลงทุน นอกจากนี้ยังคาดว่า แนวโน้มกำไรปี 60-61 ยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

โดย นักวิเคราะห์ บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองบวกต่อ BPP หลังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 60 ที่ 5.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.9% จากไตรมาสก่อน โดยกำไรสุทธิงวด 9 เดือนปี 60 อยู่ที่ 3.7 พันล้านบาท คิดเป็น 71% ของประมาณการ จากผลการดำเนินงานของธุรกิจไฟฟ้า (โดยเฉพาะหงสา) ยังคงเป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้คาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิปี 61 อยู่ที่ 5.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8% เทียบช่วงเดียวกันจากปีก่อน หลังโรงไฟฟ้าที่จีน ญี่ปุ่น จะเข้ามา book รายได้ ขณะที่ในอนาคต บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 721 MW เพิ่มขึ้น 35% จากปัจจุบัน เป็น 2,790 MW ภายในปี 66 ส่วนราคาหุ้นที่ปรับลดลง จึงมองเป็นจังหวะที่ดีต่อการเข้าลงทุน ทำให้ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าเหมาะสมปี 61 ที่ระดับ 32 บาท

ส่วนนักวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องของบริษัท เนื่องจากบริษัทมี D/E Ratio ต่ำเพียง 0.18 เท่าทำให้มีโอกาสขยายการลงทุนได้มาก โดยบริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตอีก 1.7 GW สู่กำลังการผลิตรวม 4.3 GW ภายในปี 68 ทั้งรูปแบบ M&A และ Greenfield ในประเทศเวียดนาม ลาว อินโดนีเซีย ญี่ป่น และจีนซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการและเงินปันผลของบริษัทในอนาคต

ขณะเดียวกัน นายวรวุฒิ ลีนานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BPP เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 60 จะสูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 9.81 พันล้านบาท โดยแนวโน้มผลงานในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้คาดว่าจะดีขึ้นจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น

โดยโรงไฟฟ้า CHP ที่จีนจะมีการขายไอน้ำมากขึ้น โรงไฟฟ้าหงสาเดินเครื่องผลิตทั้ง 3 ยูนิต แม้ว่าโซลาร์ฟาร์มในจีนจะผลิตไฟฟ้าลดลงหลังจากเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว และโรงไฟฟ้า BLCP หยุดซ่อม 1 ยูนิต

ทั้งนี้บริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในมือรวม 2,790 เมกะวัตต์ ซึ่ง COD แล้ว 2,070 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างก่อสร้าง 721 เมกะวัตต์ โดยจะทยอย COD ครบทั้งหมดในปี 66 ขณะที่ปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างพิจารณาลงทุนเพิ่มในลาว เวียดนาม อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น โดยเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน โรงไฟฟ้าถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และชีวมวล เพื่อบรรลุเป้าหมายกำลังการผลิตที่ตั้งไว้ 4,300 เมกะวัตต์ ภายในปี 68

Back to top button