ARROW กำไรจะกลับมาโตปี 61

ในปี 2561 พัฒนาการทางด้านผลการดำเนินงานของ ARROW จะกลับมาดีกว่าปีนี้ที่อาจไม่สวยเท่าไรนัก


คุณค่าบริษัท

ในปี 2561 พัฒนาการทางด้านผลการดำเนินงานของ บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ ARROW จะกลับมาดีกว่าปีนี้ที่อาจไม่สวยเท่าไรนัก

โดยปี 2561 บริษัทตั้งเป้ารายได้โต 10-15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน หลังปัจจุบันมี Backlog 680 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/2560 จนถึงปี 2561 เช่น อาคารรัฐสภาแห่งใหม่, สนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2, โรงไฟฟ้าบางปะอิน, ลุมพินี สวีท ดินแดงราชปรารภ, Terminal 21 โคราช และโรงพยาบาลอีกหลายโครงการ อีกทั้งยังมีงานอยู่ระหว่างประมูลอีก 300 ล้านบาท เช่น รถไฟฟ้าสายสีต่างๆ, รถไฟทางคู่ และงานเอกชนอื่นๆ ซึ่งคาดได้งานไม่ต่ำกว่า 70% ของมูลค่างานทั้งหมด

ประกอบกับบริษัทมีนโยบายปรับราคาขายสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่แข่งขันได้ในช่วง 25-30%

รวมถึงบริษัทมีแผนขยายธุรกิจเพื่อผลักดันการเติบโตต่อเนื่อง โดยมีแผนเพิ่มกำลังผลิต 3 เท่าในธุรกิจท่อร้อยสายไฟฟ้าเพื่อรองรับงานสายไฟฟ้าลงดิน โดยใช้เงินลงทุนราว 28 ล้านบาท และคาดจะแล้วเสร็จในเดือน มิ.ย. 2561 อีกทั้งมีแผนติดตั้งเครื่องจักรในงานท่อหุ้มเหล็กเสริมในพื้นเพื่อรองรับการขยายตัวของโครงการภาครัฐ ซึ่งใช้เงินทุน 15 ล้านบาท และคาดแล้วเสร็จในเดือน ก.ย. 2561

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 392.29 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 382.56 ล้านบาท  เนื่องจากโครงการก่อสร้างต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนมีการขยายตัว ทำให้มีความต้องการใช้ท่อร้อยสายไฟฟ้า ท่อสำหรับก่อสร้าง และงานบริการเพิ่มขึ้น

ส่วนกำไรขั้นต้นจากการขายและบริการลดลง จึงส่งผลให้บริษัทมีกำไรลดลงเหลือ 47.76 ล้านบาท หรือ 0.19 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 70.44 ล้านบาท หรือ 0.28 บาทต่อหุ้น

ทางด้านผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,087.82 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,008.10 ล้านบาท แต่ผลกำไรลดลงเหลือ 147.23 ล้านบาท หรือ 0.58 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 197.08 ล้านบาท หรือ 0.78 บาทต่อหุ้น

แม้ปีนี้ผลประกอบการจะไม่สวย แต่คาดกำไรจะกลับมาโตอีกครั้งในปีหน้า ด้วยแรงหนุนของธุรกิจท่อร้อยสายไฟฟ้าที่สามารถเติบโตได้ดีจากงานภาคเอกชนที่เข้ามาต่อเนื่อง รวมถึงงานภาครัฐที่กำลังก่อสร้างอยู่

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.เออีซี มองราคาหุ้นยังมี Upside จากมูลค่าพื้นฐานปี 2561 ที่ 17.90 บาท (อิง PER 15.3 เท่า) และคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรช่วงครึ่งหลังของปี 2560 อีก 0.26 บาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Div. Yield) 2% จึงคงแนะนำ “ซื้อ”

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. บริษัท แอลเค ซินดิเคท จำกัด 67,528,874 หุ้น 26.61%
  2. นายเลิศชัย วงค์ชัยสิทธิ์ 66,908,017 หุ้น 26.37%
  3. นางประครอง นามนันทสิทธิ์ 17,928,606 หุ้น 7.07%
  4. นางกมลภัทร วงค์ชัยสิทธิ์ 10,778,510 หุ้น 4.25%
  5. น.ส.สี แซ่เตีย 9,003,976 หุ้น 3.55%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายวิชัย โถสุวรรณจินดา ประธานกรรมการ
  2. นายวิชัย โถสุวรรณจินดา กรรมการอิสระ
  3. นายเลิศชัย วงค์ชัยสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
  4. นายเลิศชัย วงค์ชัยสิทธิ์ กรรมการ
  5. นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ

Back to top button