HPT ลงเพื่อซื้อ

ถึงแม้ว่า สถานการณ์ราคาหุ้น HPT ปรับตัวลงแรงเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2560 ที่ผ่านมาลงมาปิด 1.09 บาท ลงไป 0.10 บาท หรือลงไป 8.40% มูลค่าการซื้อขาย 3.76 ล้านบาท อาจเป็นช่วงจังหวะดีในการเข้าไปลงทุน เพราะหากมองโลกสวย หรือทางบวก ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนที่จะเข้าไปซื้อของถูก


คุณค่าบริษัท

ถึงแม้ว่า สถานการณ์ราคาหุ้น HPT หรือ บริษัท โฮม พอตเทอรี่ จำกัด (มหาชน) ปรับตัวลงแรงเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2560 ที่ผ่านมาลงมาปิด 1.09 บาท ลงไป 0.10 บาท หรือลงไป 8.40% มูลค่าการซื้อขาย 3.76 ล้านบาท อาจเป็นช่วงจังหวะดีในการเข้าไปลงทุน เพราะหากมองโลกสวย หรือทางบวก ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนที่จะเข้าไปซื้อของถูก

โดยเฉพาะนักเก็งกำไร เพราะหากย้อนกลับไปดูความเคลื่อนไหวของหุ้นช่วงที่ผ่านๆ มาจะพบว่า เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลงแรงเมื่อไร วันต่อมา หรืออีกสองวันต่อมา ราคาหุ้นก็จะมีแรงซื้อกลับ หรือเด้งกลับอย่างร้อนแรงเช่นกัน

ดังนั้นจึงใช้ช่วงจังหวะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงเข้าไปช้อน อย่างคำที่ว่า “ลงซื้อ ขึ้นขาย” นั้นเอง

ที่สำคัญ เมื่อไปดูผลประกอบการ งวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือน ก็พบว่า มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าธุรกิจของบริษัทยังขยายตัวได้ดี

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 42.81 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 33.74 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีปริมาณการขายให้แก่ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าให้แก่ลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท 2 รายในปริมาณที่มาก ขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่  6.86 ล้านบาท หรือ 0.013 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 2.03 ล้านบาท หรือ 0.004 บาทต่อหุ้น

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 122.85 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 88.63 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 12.85 ล้านบาท หรือ 0.024 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 7.16 ล้านบาท หรือ 0.014 บาทต่อหุ้น การเติบโตของผลประกอบการเป็นเครื่องการันตีว่าเป็นไปตามแผนที่ผู้บริหารเคยวางไว้ว่าบริษัทคงรายได้ปี 2560 จะเติบโตตามเป้าหมายที่ 20% จากปีก่อนที่ 133.02 ล้านบาท จากยอดจำหน่ายสินค้าที่เพิ่มขึ้นตามกำลังการผลิตใหม่ราว 20% จากเดิมที่ 3 ล้านชิ้นต่อปี รวมกับมูลค่าสินค้าที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีสินค้าประเภทตกแต่งมากขึ้น

ที่สำคัญ บริษัทได้พัฒนาดีไซน์ให้มีความสวยงามตรงกับเทรนด์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าหลักในประเทศต่างๆ อาทิ สหรัฐอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เพื่อเพิ่มออเดอร์จากฐานลูกค้าเดิม และเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากกลุ่มประเทศในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)

ภาพรวมตลาดส่งออกเครื่องใช้อาหารในปี 2560 จะเห็นว่ามีการชะลอตัวลงเล็กน้อยจากปีก่อน สวนทางกับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นของบริษัทเนื่องจากบริษัทได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ประกอบกับบริษัทได้บุกตลาดไปในกลุ่ม AEC ที่มีการเติบโตของร้านอาหารและโรงแรมค่อนข้างมาก

ผลดังกล่าวส่งผลให้ HPT เติบโตได้ในทิศทางที่ดีกว่าภาพรวมของตลาด

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. นายนิรันดร์ เชาว์กิตติโสภณ 173,960,000 หุ้น 33.45%
  2. นางวรรณี เชาว์กิตติโสภณ 173,958,800 หุ้น 33.45%
  3. นายอนุชา แสงเจริญวนากุล 21,305,500 หุ้น 4.10%
  4. นางทองใบ รวยถาวรกิจ 20,080,000 หุ้น 3.86%
  5. น.ส.นิจวรรณ เชาว์กิตติโสภณ 20,080,000 หุ้น 3.86%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายเทพกุล พูลลาภ ประธานกรรมการบริษัท
  2. นายเทพกุล พูลลาภ กรรมการอิสระ
  3. นายเทพกุล พูลลาภ ประธานกรรมการตรวจสอบ
  4. นายนิรันดร์ เชาว์กิตติโสภณ กรรมการผู้จัดการ
  5. นายนิรันดร์ เชาว์กิตติโสภณ กรรมการ

Back to top button