UV บวกสวนภาวะตลาดฯ ขานรับเป้ารายได้ปีนี้แตะ 2.3 หมื่นลบ.-ตุน Backlog กว่า 4.5 พันลบ.

UV บวกสวนภาวะตลาดฯ ขานรับผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 2.3 หมื่นลบ.-ตุน Backlog กว่า 4.5 พันลบ. ปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ระดับ 10.50 บาท ปรับตัวขึ้น 0.10 บาท หรือ 0.96% สูงสุดที่ระดับ 10.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 10.10 บาท มูลค่าการซื้อขาย 410.63 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV ปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ระดับ 10.50 บาท ปรับตัวขึ้น 0.10 บาท หรือ 0.96% สูงสุดที่ระดับ 10.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 10.10 บาท มูลค่าการซื้อขาย 410.63 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น UV ปรับตัวขึ้นแรงในวันนี้ (5 ก.พ.61) ถึงแม้ภาวะตลาดหุ้นโดยรวมจะปรับตัวลงอย่างหนัก สำหรับปัจจัยที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นคาดว่ามาจากการที่ นายวรวรรต ศรีสอ้าน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ยูนิเวนเจอร์ (UV) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 61 (1 ต.ค. 60 – 30 ก.ย. 61) อยู่ที่ 2.38 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1.37 หมื่นล้านบาท โดยรายได้หลักของบริษัทยังมาจากรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายเป็นหลักในสัดส่วน 85%

ทั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่จะโอนในปีนี้ทั้งหมด 4.5 พันล้านบาท แบ่งเป็น Backlog จากโครงการแนวราบ 3.9 พันล้านบาท และจากโครงการคอนโดมิเนียม 838 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดโอนจากโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายรวมในปีนี้ทั้งหมด 1.98 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายรวมในปีนี้อยู่ที่ 3.66 หมื่นล้านบาท

ขณะเดียวกันในส่วนของการพัฒนาโครงการแนวราบที่เป็นการพัฒนาของกลุ่ม บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์  (GOLD) ในปี 61 จำนวน 34 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3.96 หมื่นล้านบาท และยังมีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมที่เป็นการพัฒนาของบริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.2 หมื่นล้านบาท

สำหรับ ในปีนี้บริษัทได้มีการรีแบรนด์ “แกรนด์ ยูนิตี้”เพื่อรุกตลาดและขยายฐานลูกค้าในกลุ่มคอนโดมิเนียม ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้เข้ามาให้กับบริษัทในอนาคต ส่วนรายได้อื่นของบริษัทที่เสริมการเติบโต ประกอบด้วย รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าและโรงแรมราว 5% รายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ 3% และรายได้จากธุรกิจผลิตสังกะสีออกไซด์ 7%

โดย ในปี 61 บริษัทยังคงมุ่งเน้นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในภาพรวมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน โดยการดำเนินงานในช่วงกลยุทธ์ 3 ปี (ปี 61-63) จะให้ความสำคัญในการสร้างความหลากหลายและการต่อยอด รวมไปถึงการ Synergy ธุรกิจที่ครอบคลุมในด้านอสังหาริมทรัพย์ และหาบริกลนต่างๆให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้ามากที่สุด เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่ง

Back to top button