ตลท.แขวน H หุ้น BANPU-BPP ตามคำขอ จับตาผลตัดสินชี้ชะตา “คดีหงสา” เช้านี้!

ตลท.แขวน H หุ้น BANPU-BPP ตามคำขอ จับตาผลตัดสินชี้ชะตา "คดีหงสา" เช้านี้!


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (6 มี.ค. 61) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขึ้นเครื่องหมาย “H” เพื่อห้ามซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนเป็นการชั่วคราว แก่หลักทรัพย์ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU และ บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ตามที่บริษัทขอพักการซื้อขายหลักทรัพย์ เนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างรอผลคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์และการตัดสินใจในการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ

โดยการขอขึ้นเครื่องหมายดังกล่าว สืบเนื่องจากกรณีที่ในวันนี้ (6 มี.ค.61) ตั้งแต่เวลาประมาณ 9.00 น. ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาในคดีแพ่งที่ นายศิวะ งานทวี กับพวกเป็นโจทก์ฟ้อง บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU และ บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ BANPU ในข้อหาหลอกลวงเข้าร่วมทำสัญญาร่วมทุนเพื่อประสงค์จะได้ข้อมูลสัมปทานเหมืองถ่านหิน

รวมทั้งรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์ที่เมืองหงสา สปป.และใช้สิทธิไม่สุจริตในการรายงานเท็จทำให้รัฐบาลลาวยกเลิกสัมปทานของนายศิวะกับพวกฯ เพื่อที่บริษัทจะได้เข้าทำสัญญากับรัฐบาลลาวเอง

ทั้งนี้ จากกรณีดังกล่าวศาลแพ่งมีคำสั่งพิพากษา BANPU มีความผิดฐานใช้ข้อมูลของโรงไฟฟ้าหงสา ทำให้ BANPU ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นจำนวนเงิน 4,000 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยอีกร้อยละ 7.5 ต่อปี รวมจำนวนค่าเสียหายทั้งสิ้น 31,740 ล้านบาท

โดยหลังจากนั้น BANPU ได้ยื่นอุทธรณ์และศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง ทำให้คดีดังกล่าวกลับเข้าไปอยู่ในการพิจารณาของศาลอีกครั้ง หลังจากที่โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อศาลฎีกา และล่าสุดศาลได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในวันนี้ (6 มี.ค.61) เวลา 9.00 น.

ทั้งนี้ จึงเป็นที่น่าจับตาว่า ผลการตัดสินของศาลฎีกาจะออกมาเป็นอย่างไร และจะส่งผลอย่างไรต่อราคาหุ้น อย่างไรก็ดี ตามที่ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์ พบว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมีมุมมองเชิงบวก โดยมองว่าหากชนะคดีจะทำให้ความกังวลต่อหุ้น BANPU หายไป แต่หากแพ้คดีก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อมูลค่าทางบัญชีหุ้นสูงสุดเพียงแค่ 6.1 บาท/หุ้น

โดยนักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า การตัดสินใจจะเข้าซื้อหุ้นตัวนี้หรือไม่ ขึ้นกับผลตัดสินคดีหงสาของศาลวันนี้ เนื่องด้วยเป็นหุ้นที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุน หาก BANPU ชนะคดี คาดราคาหุ้นจะเป็นบวก เรามองเป้าหมายในเชิงกลยุทธ์ไว้ที่ 25-26 บาท แต่หากแพ้คดี และตัวเลขที่ต้องจ่าย ไม่มีนัยยะต่อกำไรมากนัก ราคาหุ้นก็อาจปรับตัวขึ้นได้เช่นกัน (ผลตัดสิน ปี 2012 ศาลสั่งให้ BANPU จ่าย 3.17 หมื่นลบ. หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ 6 บาท)

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯ ว่า ยังคงแนะนำหุ้น BANPU เนื่องจากราคาถูกกดดันจากการอ่านคำพิพากษาในวันนี้เวลา 9.00 น. ขณะที่มีมุมมองว่า BANPU จะไม่ได้รับผลกระทบมากนักในกรณีที่แพ้คดี โดยผลกระทบแย่สุดจะกระทบราคาเหมาะสมราว 4 บาท ขณะที่ราคาหุ้นอาจปรับขึ้นอย่างรวดเร็วหากชนะคดี จาก Valuation ปัจจุบันที่ซื้อขายที่ PE เพียง 11 เท่า

ขณะที่ นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า การตัดสินของศาลฎีกาในคดีโรงไฟฟ้าหงสาวันนี้ (6 มี.ค.61) หาก BANPU ชนะคดีจะทำให้ความกังวลจากประเด็นดังกล่าวหายไป มูลค่าหุ้นมีโอกาสขยับขึ้นไปที่เป้าหมายตามพื้นฐานได้ (Consensus อยู่ที่ 25 บาท/หุ้น) แต่หากแพ้คดีแล้วต้องจ่ายค่าปรับ 3.1 หมื่นล้านบาท จะทำให้มูลค่าทางบัญชีหุ้น (BVS) หายไป 6.1 บาท/หุ้น (BVS ณ สิ้นปี 60 อยู่ที่ 16.53 บาท/หุ้น)

Back to top button