ข่าวปลอม ปตท. : การ “แยกกันเดิน ร่วมกันตี”.!?

ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดกระแสการตื่นตัวเรื่อง “ราคาน้ำมัน” (หลังราคาน้ำมันดีเซลทะลุ 30 บาทต่อลิตร) กันอย่างมาก และทำให้เกิดปรากฏการณ์วิพากษ์เรื่องราคาน้ำมัน (ด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล) ผ่านโลก “โซเชียลมีเดีย” อย่างกว้างขวาง หนึ่งใน “โซเชียลวิพากษ์” คือ การพุ่งเป้าโจมตีไปที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT รูปแบบต่าง ๆ


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดกระแสการตื่นตัวเรื่อง “ราคาน้ำมัน” (หลังราคาน้ำมันดีเซลทะลุ 30 บาทต่อลิตร) กันอย่างมาก และทำให้เกิดปรากฏการณ์วิพากษ์เรื่องราคาน้ำมัน (ด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล) ผ่านโลก “โซเชียลมีเดีย” อย่างกว้างขวาง หนึ่งใน “โซเชียลวิพากษ์” คือ การพุ่งเป้าโจมตีไปที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT รูปแบบต่าง ๆ

ไม่ว่าจะเรื่องการปล่อยให้ราคาน้ำมันแพงจนทำให้ประชาชนเดือดร้อน ผูกขาดตลาดค้าปลีก น้ำมันไทย แบขึ้นราคาโดยไม่บอกประชาชน หวังแต่เอากำไรไม่สนใจช่วยเหลือสังคมและอะไรต่อมิอะไร ที่จะสรรหาขึ้นกล่าวอ้าง (เดิม ๆ) เพื่อโจมตี ปตท.เป็นหลัก เลยเถิดถึงขั้นเรียกร้องให้ “งดเติมน้ำมันจากสถานีบริการน้ำมัน ปตท.” กันเลยทีเดียว

แต่ที่ถือว่าเลวร้ายสุด คือ การสร้าง “ข่าวปลอม” ผ่านเว็บไซต์แห่งหนึ่ง พร้อมแชร์ต่อไปสู่โซเชียลมีเดียต่าง ๆ เพื่อหวังผลให้เกิดการเกลียดชัง ปตท. มากยิ่งขึ้นไปอีกโดยข่าวปลอมดังกล่าวถึงขั้น ระบุว่า “จากเหตุการณ์ที่น้ำมันดีเซลของปั๊ม ปตท.พุ่งขึ้นสูงถึงลิตรละ 30 บาท แต่ประเด็นสำคัญที่ชาวโซเชียลให้ความสนใจเป็นอย่างมาก คือ น้ำมันดีเซลที่ขายให้ประเทศเพื่อนบ้านกับได้ราคาถูกกว่าประเทศไทย ปล่อยให้คนไทยใช้น้ำมันแพงในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้ จึงมีกลุ่มคนจำนวนมากตั้งกระทู้แบนปั๊ม ปตท.งดเติมน้ำมันที่ปั๊มป ตท.ทั่วประเทศ ทำให้ในรอบ 3 วันที่ผ่านมา บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ประเทศไทยขาดทุนมากกว่า 60,000,000 บาท แล้วตอนนี้

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ออกมาให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า ถึงจะไม่มีคนไทยใช้น้ำมันดีเซลของปั๊ม ปตท. แต่เรายังมีการกระจายน้ำมันในเครือข่ายต่างชาติจำนวนมาก ซึ่งมีผลกำไรเป็น 80% ที่ไทยเพียง 10% เท่านั้น จึงไม่มีผลทำให้บริษัทขาดทุนแต่อย่างใด ถึงประชาชนคนไทยจะไม่ใช้น้ำมันดีเซลของปั๊ม ปตท.  เราก็ไม่ง้อท่านให้มาเติม ดังนั้นทางบริษัทจึงขอปลดพนักงานจำนวน 10,000 คนทั่วประเทศ มีผลตั้งแต่ วันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นไป เพื่อรักษาสภาพสถานะของบริษัท หากไม่มีผู้ใช้บริการทางบริษัท ไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานต่อไป”

เห็นได้ชัดว่า “ข่าวปลอม” ดังกล่าว มีการสวมอ้างถึงชื่อ “เทวินทร์ วงศ์วานิช” ซีอีโอ ปตท. เพื่อต้องการให้เกิดน้ำหนักความน่าเชื่อถือต่อ “ข่าวปลอม” นี้ อีกนัยหนึ่งคือการสร้างกระแส เพื่อให้เกิดอารมณ์การเกลียดชังต่อผู้นำองค์กรยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อบรรลุเป้าหมายการโจมตี ปตท.มากยิ่งขึ้นนั่นเอง

จากกรณี “ข่าวปล่อม” ร่อนโซเชียลดังกล่าว ล่าสุดนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. ระบุว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่ตั้งใจส่งข้อความเท็จ เนื่องจากปัจจุบันการส่งต่อข้อความในโซเชียลมีความรวดเร็ว การที่ตัดสินใจดำเนินการตามกฎหมายเพื่อให้ผู้ที่ตั้งใจส่งข้อมูลเท็จเหล่านี้ได้รับการลงโทษตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังทำให้คนไทยมีวินัยในการส่งต่อข้อมูลที่ถูกต้องด้วย

สำหรับราคาขายปลีกน้ำมัน ปตท.ยืนยันว่าราคาต่ำกว่าสถานีบริการน้ำมันต่างชาติ โดยจากสถิติปี 2560 ปตท.มีการปรับราคาน้ำมันขึ้น 21 ครั้ง และปรับราคาน้ำมันลง 21 ครั้ง มีราคาขายน้ำมันราคาต่ำกว่าปั๊มต่างชาติ 20 วัน จากทั้งหมด 365 วัน และไม่ได้ขายน้ำมันราคาที่แพงกว่าสถานีบริการน้ำมันรายอื่น ๆ แน่นอน ขณะเดียวกันช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.-28 พ.ค. 2561 ที่เป็นช่วงที่ราคาน้ำมันดิบโลกปรับสูงขึ้น ได้ปรับราคาน้ำมันขึ้น 6 ครั้ง และปรับราคาน้ำมันลง 1 ครั้ง ส่งผลให้ราคาขายปลีกต่ำกว่าราคาสถานีบริการน้ำมันต่างชาติ อยู่ที่ 9 วัน

“ขณะนี้ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับผลกระทบจากกระแสต่อต้านการเติมน้ำมันสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ ปตท.กำไรน้อยลง เนื่องจากสัดส่วนรายได้น้ำมันและรายได้ที่ไม่ได้มาจากน้ำมัน (นอนออยล์) อยู่ที่ประมาณ 10% ของกำไรทั้งกลุ่ม ปตท. แต่ที่น่ากังวลคือ สถานีบริการน้ำมัน ปตท.ทั้งหมดประมาณ 1,500 แห่ง มีสัดส่วน 90% ที่ดำเนินการโดยผู้ประกอบการรายย่อย ส่วน ปตท.ดำเนินการเองเพียง 10% เท่านั้น จึงเป็นห่วงดีลเลอร์ว่าจะได้รับผลกระทบ

บริษัทจึงต้องออกมาชี้แจง แต่หากผู้บริโภคจะไม่เติมน้ำมันปั๊ม ปตท.จากการบริการที่ไม่ดี คุณภาพน้ำมันไม่ดียังพอจะเข้าใจได้ แต่ถ้าเกิดจากความเข้าใจผิด ข้อมูลไม่ถูกต้องก็ต้องชี้แจง อีกทั้งยืนยันว่าจะไม่มีการปลดพนักงาน ตามที่มีกระแสข่าว (ปลอม) ออกมาแน่นอน” นายเทวินทร์ กล่าว

ปรากฏการณ์ใช้กระแสโซเชียลวิพากษ์และข่าวปลอม ที่ออกมาโจมตี ปตท.อย่างหนักพร้อม ๆ กันแบบนี้ จึงน่าตั้งข้อสังเกตว่า… นี่คือการทำเป็นกระบวนการของกลุ่มคนเดียวกัน ในลักษณะที่ว่า “แยกกันเดิน ร่วมกันตี” มีเป้าหมายเดียวกันหรือไม่ เพราะสุดท้าย “ผลลัพธ์” คือ การทำให้เกิดการเกลียดชัง ปตท.ในแง่มุมต่าง ๆ นั่นเอง..

ทว่า..จะเป็นโจทก์เก่า ปตท. ที่เปลี่ยนหน้าใหม่เล่นหรือไม่.. อันนี้ซิ..ยิ่งน่าสนใจเข้าไปอีก..!?

…อิ อิ อิ…

Back to top button