คัด 14 บลูชิพน่าเก็บ! อัพไซด์เหลือเกิน 20% พ่วง P/E ต่ำกว่าตลาดฯ

คัด 14 บลูชิพน่าเก็บ! อัพไซด์พุ่งเกิน 20% แถม P/E ต่ำ


ตั้งแต่ต้นปี 2561 ที่ผ่านมาสภาวะตลาดหุ้นไทยนั้นค่อนข้างผันผวน หุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงกว่าปัจจัยพื้นฐาน หลังได้รับผลกระทบทั้งจากปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศ ดังนั้น “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงได้ทำการสำรวจหุ้นในกลุ่มดัชนี SET50

โดยใช้เกณฑ์การคัดเลือกหุ้นจากราคาปัจจุบัน ณ วันที่ 26 ก.ค.2561 ยังคงมีอัพไซด์จากราคาหุ้นเป้าหมายจากนักวิเคราะห์ไม่ต่ำกว่า 20% และมีค่า P/E ต่ำกว่าค่า P/E ของ SET ล่าสุด ณ วันที่ 26 ก.ค.2561 อยู่ที่ 17.36 เท่า

ทั้งนี้พบว่ามีหุ้นที่เข้าเกณฑ์มีทั้งหมด 14 หุ้น คือ PTTGC, IRPC, IVL, SCC, TISCO, LH, BBL, TCAP, KKP, PTT, DELTA, TMB, KTB และ TOP

ทั้งนี้หากสังเกตหุ้นที่คัดเลือกมาจะเห็นว่า 3 อันดับแรกเป็นหุ้นที่มีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายเกิน 20% และมี P/E ต่ำกว่าตลาดฯ ดังนี้

อันดับที่ 1 ราคาหุ้น บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ปิดตลาด ล่าสุด ณ วันที่ 26 ก.ค.2561 อยู่ที่ระดับ 81.50 บาท ส่วนราคาเป้าหมายอยู่ที่ 120 บาท ส่งผลให้ยังคงมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายอยู่ที่ 47.24% ขณะที่ค่า P/E อยู่ที่ 9.54 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่า P/E ของ SET ซึ่งอยู่ที่ 17.36

โดย บล.ไทยพาณิชย์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น PTTGC พร้อมให้ราคาเป้าหมายที่ 120 บาทต่อหุ้น อ้างอิง EV/EBITDA ที่ 8 เท่า ในปี 61 ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในอดีตของ PTTGC แต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดภูมิภาคที่ 10 เท่า

รวมทั้งยังคงมุมมองเชิงบวกต่อ Crack Spread ของผลิตภัณฑ์กลุ่ม Middle Distillate เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจะช่วยสนับสนุนให้อุปสงค์ปรับตัวเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ราคาน้ำมันและราคา HDPE ที่แข็งแกร่งก็จะส่งผลทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันมากกว่าผู้ผลิตที่ ใช้แนฟทาเป็นวัตถุดิบอย่างต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย คือ ความผันผวนของราคาน้ำมัน ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้เกิดขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน

 

อันดับที่ 2 ราคาหุ้น บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ปิดตลาด ล่าสุด ณ วันที่ 26 ก.ค.2561 อยู่ที่ระดับ 6.40 บาท ส่วนราคาเป้าหมายอยู่ที่ 9.20 บาท ส่งผลให้ยังคงมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายอยู่ที่ 43.75% ขณะที่ค่า P/E อยู่ที่ 11.14 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่า P/E ของ SET ซึ่งอยู่ที่ 17.36

โดย บล.ไทยพาณิชย์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น IRPC พร้อมให้ราคาเป้าหมายที่ 9.20 บาทต่อหุ้น และเป็น Top Pick ของบล.ไทยพาณิชย์ ในกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจน้ำมันและก๊าซปลายน้ำ โดยแนวโน้มกำไรของ IRPC ยังแข็งแกร่ง เนื่องจาก EPS จะเติบโต 35% ในปี 61 โดยได้รับการสนับสนุนจากการดำเนินงานอย่างเต็มที่ของโครงการ UHV และธุรกิจปิโตรเคมีปลายน้ำใหม่ๆ

นอกจากนี้บริษัทก็จะรับรู้ประโยชน์จากโครงการ Everest (โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน) เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ และคาดว่าจะได้รับประโยชน์ทั้งปี 61 รวม 9.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 6.8 พันล้านบาท ในปี 60 คาดว่ากำไรของ IRPC จะเติบโต 35% ในปี 61

 

อันดับที่ 3 ราคาหุ้น บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ปิดตลาด ล่าสุด ณ วันที่ 26 ก.ค.2561 อยู่ที่ระดับ 60 บาท ส่วนราคาเป้าหมายอยู่ที่ 82 บาท ส่งผลให้ยังคงมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายอยู่ที่ 36.67% ขณะที่ค่า P/E อยู่ที่ 14.95 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่า P/E ของ SET ซึ่งอยู่ที่ 17.36

โดย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น IVL พร้อมให้ราคาเป้าหมายที่ 82 บาทต่อหุ้น คาดการณ์กำไร ไตรมาส 2/61 จะทำ Record High โดยประมาณการ Core Profit เท่ากับ 7.5 พันล้านบาท (โต 150% จากปีก่อน และ โต 47% จากไตรมาสก่อน) โดยมาจากปริมาณขายเพิ่ม 8% จากปีก่อนเป็น 2.4 ล้านตันเพราะอุปสงค์แข็งแกร่งขณะที่อุปทานตึงตัว มาร์จิ้นสูงขึ้น และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงงาน PET ที่บราซิล 1 เดือนในไตรมาสนี้ (กำลังการผลิต 5.5 แสนตัน/ปี)

รวมทั้งคาด EBITDA/ตัน เพิ่มจาก 107 ในไตรมาส 2/60 เป็น 185 ดอลลาร์/ตันในไตรมาส 2/61 จากสเปรดผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้นโดยสเปรด PET ในเอเชียเพิ่มจาก 125 ใน 2Q60 เป็น 303 ดอลลาร์/ตันในไตรมาส 2/61 ส่วนสเปรด PET ในฝั่งตะวันตกเพิ่มจาก 180 เป็น 326 ดอลลาร์/ตันในช่วงเวลาเดียวกัน ด้านสเปรด PTA เพิ่มจาก 102 เป็น 158 ดอลลาร์/ตัน ซึ่งเป็นผลจากอุปทานตึงตัวและดีมานด์จากจีนสูงขึ้น

ส่วนแนวโน้มครึ่งหลังปี 61 ยังคงแข็งแกร่งเมื่อเทียบจากปีก่อน แม้ว่าสเปรดจะอ่อนลงตามปัจจัยฤดูกาลแต่ไม่มากเพราะอุปทานยังคงตึงตัว ปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นจากการซื้อกิจการ โดยจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบราซิล อียิปต์ และโปรตุเกสเต็มไตรมาส ทำให้กำไรในครึ่งหลังปี 61 จะยังคงสูงได้ต่อเนื่อง

 

อนึ่ง ค่า P/E เป็นเครื่องมือดังกล่าวเป็นตัวแปรที่บ่งบอกให้รู้ว่าหุ้นจะสามารถปรับตัวขึ้นต่อหรือเสี่ยงที่จะปรับตัวลง

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

 

Back to top button