SMIT การันตีรายได้ปี 61 โตแตะ 2.4 พันลบ. รับแรงหนุนลูกค้ากลุ่มยานยนต์

SMIT การันตีรายได้ปี 61 โตแตะ 2.4 พันลบ. รับแรงหนุนลูกค้ากลุ่มยานยนต์


นายพฤทธิ์ สรญาณธนาวุธ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรเครื่องกล จำกัด (มหาชน) หรือ SMIT เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าทิศทางรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังจะต่ำกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีความผันผวนค่อนข้างมาก ทำให้ผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็กที่เป็นลูกค้าของบริษัทชะลอตัวตามไปด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายเติบโต 15% มาที่ 2,400 ล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจากลูกค้าในกลุ่มยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็คทรอนิกส์ ที่มีสัดส่วน 57.67% ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

โดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้ 1,216.78 ล้านบาท เติบโต 20.36% จากช่วงเดียวกันปีก่อน 1,010.95 ล้านบาท สัดส่วนรายได้ในปัจจุบันมาจากเครื่องจักรกลโรงงานและเครื่องมือ 29.21% และเหล็กแข็งสำหรับแม่พิมพ์และโรงงานชุบเหล็กกล้า 56.27% และอื่นๆอีก 14.52%

สำหรับแผนการเติบโตระยะยาวที่ตั้งเป้ารายได้ 5 ปี (61-65) จะเติบโตต่อเนื่องไปแตะ 3 พันล้านบาทในปี 65 บริษัทยังคงดำเนินการไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยตั้งงบลงทุนราว 100 ล้านบาท ส่วนหนึ่งใช้ซื้อเตาชุบเข้ามาเพิ่มเติมในช่วงที่ผ่านมามูลค่า ราว 40-50 ล้านบาท ส่วนเงินลงทุนส่วนที่เหลือจะใช้ในการถมที่ดินเพื่อก่อสร้างโรงงานและคลังสินค้าที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ใหม่ คาดว่าจะก่อสร้างและเริ่มใช้งานได้ในช่วงปลายปี 62 นี้

ทั้งนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างรอใบรับรอง NADCAP เพื่อให้สามารถชุบเหล็กแข็งชิ้นส่วนเครื่องบินได้ครบวงจรมากขึ้น คาดว่าจะได้รับใบอนุญาตในปี 62 หลังจากได้รับใบอนุญาต Quality Management System Standard: ISO 9001:2008 AND AS9100C (TECHNICALLY EQUICALENT TO EN 9100:2009 AND JISQ 9100:2009) ซึ่งเป็นใบรับรองว่าโรงชุบของบริษัทสามารถชุบเหล็กแข็งชิ้นส่วนเครื่องบินเป็นรายแรกของประเทศไทย โดยคาดหากได้รับใบอนุญาตครบจะสามารถรับงานเข้ามาได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้รายได้และกำไรเติบโตอย่างมีนัยสำคัญภายใน 3-5 ปี

“เรายังคงเดินหน้าใช้กลยุทธ์เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และเพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการให้ครบวงจร มากขึ้น เพื่อที่จะรักษาฐานลูกค้าเดิม รวมถึงการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ และที่ผ่านมาบริษัทได้มีการพัฒนาความเชี่ยวชาญในตัวผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยการจัดอบรมพนักงาน และจัดอบรมลูกค้าให้สามารถใช้งานผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้อย่างถูกวิธีและได้ประโยชน์สูงสุด” นายชัยศิลป์ กล่าว

Back to top button