SUN พุ่ง 13% แรงในรอบ 3 เดือน ลุ้นผลงาน H2/61 โดดเด่น รับผลดีบาทอ่อนแนะซื้อเป้า 4.40 บ.

SUN พุ่ง 13% แรงในรอบ 3 เดือน ลุ้นผลงาน H2/61 โดดเด่น รับผลดีบาทอ่อนแนะซื้อเป้า 4.40 บ. โดย ณ เวลา  11.31 น. ราคาอยู่ที่ระดับ 3.80 บาท บวก 0.44 บาท หรือ 13.10% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 52.956 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงาน บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN ณ เวลา  11.31 น. อยู่ที่ระดับ 3.80 บาท บวก 0.44 บาท หรือ 13.10% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 52.956 ล้านบาท ราคาหุ้นวิ่งแรงในรอบกว่า 3 เดือน โดยนับตั้งแต่หุ้นขึ้นไปทดสอบระดับ 3.88 บาท เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 61

อนึ่งก่อนหน้านี้ นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้น่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากได้รับอานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า โดยปัจจุบันมาอยู่ในระดับ 33.00 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งมองว่าเป็นที่น่าพอใจแล้ว ขณะที่บริษัทยังมีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อการส่งออก ภายใต้แบรนด์ KC เพิ่มเติมอีกจำนวน 2 รายการ ได้แก่ สับปะรดถุงพร้อมทาน และข้าวโพดบาร์บีคิว คาดว่าจะวางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อในประเทศเกาหลีได้ในช่วง 1-2 เดือนนี้ โดย SUN คาดหวังอัตรากำไรขั้นต้นของสินค้าใหม่จะเพิ่มขึ้นกว่า 20%

บริษัทยังมีแผนขยายตลาดไปยังประเทศโซนเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 50% โดยคาดหวังจะเพิ่มขึ้นเป็น 60% ในอนาคต ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศถึง 80% มาจากกลุ่มประเทศเอเชีย 50% และที่เหลือมาจากยุโรปและตะวันออกกลาง

นอกจากนี้ยังมีแผนปรับพอร์ตการจำหน่ายสินค้า จากเดิมที่มีสัดส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าวโพดกระป๋องอยู่ที่ 70%, ข้าวโพดแช่แข็ง 20% และข่าวโพดถุงพร้อมทาน 15% จะปรับใหม่เป็น 60%,25%, และ 15% ตามลำดับภายใน 1-2 ปีนี้ ตามปริมาณการจำหน่ายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทได้ทำการติดตั้งเครื่องจักรใหม่เพื่อผลิตข้าวโพดหวานแช่แข็ง (Frozen) เพิ่มเติมจากเครื่องจักรเดิมที่เต็มกำลังการผลิต ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและขยายกำลังการผลิตข้าวโพดหวานแช่แข็งจากเดิมได้ถึง 3 เท่า ประมาณ 20,000 ตันต่อปี ซึ่งสอดคล้องกับยอดการสั่งซื้อ (ออเดอร์) ที่เข้ามาจากต่างประเทศในช่วงครึ่งปีหลังที่ถือเป็นไฮซีซั่น และช่วยขยายสัดส่วนยอดขายของผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแช่แข็งเพิ่มขึ้นเป็น 25% ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด จากเดิม 20% ในไตรมาส 1/61 ตามแผนที่วางไว้

นายองอาจ กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ตามปริมาณการขายที่เติบโตขึ้น โดยคาดว่าจะเติบโตราว 20% หรือคิดเป็นปริมาณการผลิตในปีนี้จะอยู่ที่ 1.2 แสนตัน จากปีก่อนอยู่ที่ 1 แสนตัน โดยนโยบายของบริษัทจะมีการขายสินค้าล่วงหน้าราว 70% หรือคิดเป็นสินค้ารอส่งมอบในขณะนี้มูลค่า 600-700 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยส่งมอบในช่วง 6 เดือนถึง 1 ปี  โดยมีลูกค้ากว่า 200 ราย และมีการจำหน่ายไปยัง 50-70 ประเทศทั่วโลก และในส่วนอีก 30% บริษัทไม่ได้ทำการล็อคราคาขายเอาไว้ เพื่อให้สามารถขายได้ในราคาที่ดี หรือในภาวะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่า

พร้อมกันนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในโซนเอเชียราว 2-3 ราย เพื่อร่วมลงทุนต่อยอดธุรกิจ คาดว่าจะชัดเจนภายในปี 62

บล.ฟิลลิป ระบุในบทวิเคราะห์ว่า  คาดผลดำเนินงานผลดำเนินงานไตรมาส3/61ยังซึมตัว เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากยังมีผลกระทบค่าเงิน โดยคาดค่าเงินเฉลี่ยช่วงไตรมาส3/61 ยังคงสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือเฉลี่ยแข็งค่าราว 2.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและมีสัญญา Forward คงค้างที่ค่าเงินค่อนข้างแข็งเหลืออยู่ (นโยบาย Forward 70% ของยอดส่งออก อายุ 1-5 เดือน) อย่างไรก็ดีคาดยอดขายจะเติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง สำหรับ ไตรมาส4/61 คาดจะฟื้นตัว เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนชัดเจน โดยสมมติฐานของทางฝ่ายมีปัจจัยดังนี้

ไตรมาส 3/61 ยังคงเป็น High Season ของข้าวโพดหวาน โดยบริษัทมีปริมาณสั่งซื้อจากลูกค้ารายเดิม และรายใหม่เข้ามาสะสมอย่างต่อเนื่อง

บริหารจัดการวัตถุดิบได้ดีขึ้น โดยเฉพาะการเตรียมก่อนเข้าฤดูฝน ซึ่งปีก่อนฝนตก ยาวนาน ทำให้ผลผลิตช่วงปลายปีไม่เพียงพอ อย่างไรก็ดีปีนี้บริษัทเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกให้มากขึ้นให้เพียงพอต่อความต้องการช่วง ไตรมาส 4/61 ซึ่งปกติผลผลิตน้อย

ไลน์ผลิตข้าวโพดหวานแช่แข็งไลน์ใหม่เริ่มทดสอบเครื่องแล้ว ซึ่งกำลังผลิตอยู่ที่ 4 ตัน/ ชม. จากเดิม 1 ตัน/ชม. โดยปัจจุบันยอดสั่งซื้อเข้ามารองรับ 1/3 ของกำลังการผลิตส่วนที่เพิ่มขึ้นแล้ว ซึ่งจะทยอยส่งมอบไตรมาส 3/61-ไตรมาส 4/61

คาด Gross Margin ปรับตัวดีขึ้น เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, h-h จากการบริหารวัตถุดิบ และประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น รวมถึงผลกระทบค่าเงินเบาลง ทางฝ่ายปรับคาดการณ์กำไรปี 61 ขึ้นเล็กน้อยมาที่ 92.5 ลบ.-21.2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน(เดิมคาด 80.6 ลบ.)

ประมาณการกำไรปี 62 ที่ 124.9 ลบ. +35% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยมีอานิสงส์ดังต่อไปนี้

สมมติฐานค่าเงินเฉลี่ยปี 62 ที่ 32.50 THB/USD หนุนให้รายได้ และ Gross Margin ปี 62 ได้แสดงศักยภาพการเติบโตที่แท้จริง โดยคาดรายได้ +9% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและ Gross Margin ที่ 17.7% +240bps เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

ได้รับอานิสงส์เต็มปีจากการปลดล็อคความสามารถในการผลิตข้าวโพดหวานแช่แข็ง ซึ่งมีปริมาณความต้องการจากลูกค้ามากขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาด ญี่ปุ่น โอกาสขยายตลาดในประเทศใหม่ๆ อาทิ ออสเตรเลีย และอังกฤษ

ทางฝ่ายปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” และปรับราคาพื้นฐานเป็นปี 62 อยู่ที่ 4.40 บาท อิง PE 15X (เดิมอิง PE 18X) ซึ่งสูงราคาซื้อขายเฉลี่ยของ SUN ช่วงไตรมาส1/61-ไตรมาส2/61 อยู่ที่ 10.3X และสูงกว่าหุ้นที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกัน (APURE และ CM) เฉลี่ยอยู่ที่ 12.6X-14.2X เพื่อสะท้อนคาดการณ์ปี 62 คาดผลผลดำเนินงานจะฟื้นตัว และได้อานิสงส์จากแนวโน้มบาทอ่อน

Back to top button