JKN ดิ่ง 13% สวน”หมอเฉลิม”ซื้อบิ๊กล็อตสูงกว่ากระดาน โบรกฯอัพประมาณการกำไร ชูเป้า15.80บ.

JKN ดิ่ง13% สวน "หมอเฉลิม" ซื้อบิ๊กล็อตสูงกว่ากระดาน โบรกฯอัพประมาณการกำไร ชูเป้า 15.80 บ. ปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 9.50 บาท ลบ 1.40 บาท หรือ 12.84% สูงสุดที่ 10.70 บาท ต่ำสุดที่ 9 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 74.12 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 9.50 บาท ลบ 1.40 บาท หรือ 12.84% สูงสุดที่ 10.70 บาท ต่ำสุดที่ 9 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 74.12 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้น JKN ปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 6 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 9.35 บาท เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2561

ด้าน บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” JKN ให้ราคาเป้าหมาย 15.80 บาท/หุ้น โดยคาดกำไรไตรมาส 4/61 เติบโตโดดเด่นราว 45% เทียบจากไตรมาสก่อน และ 435% เทียบจากปีก่อน จากฐานที่ต่ำในไตรมาส 4/60 จากยอดขายสิทธิ์คอนเทนต์ที่เพิ่มขึ้น และคาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริการจะลดลงราว 9% เทียบจากไตรมาสก่อน และ 15% เทียบจากปีก่อน เนื่องจากไม่มีการจัดงาน JKN Mega Showcase

สำหรับประเด็นความกังวลเรื่องลูกหนี้การค้า บริษัทมีมาตรการที่จะรับเป็นเช็คล่วงหน้าหรือเงินสดวางมัดจำก่อนส่งมอบคอนเทนต์ชุดใหม่ให้กับลูกค้า ทำให้มีเงินสดชำระเข้ามามากในช่วงไตรมาส 4/61 ทั้งนี้รายการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 6 ล้านบาทในงวดไตรมาส 3/61 ได้มีการชำระเข้ามาแล้วในเดือนพ.ย.

ขณะเดียวกันได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 61 เพิ่มขึ้นเป็น 244 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากเดิมที่ 225 ล้านบาท จากการปรับคาดการณ์รายได้รวมของบริษัทที่จะทำได้เพิ่มขึ้นจากเดิมราว 4% สู่ 1,444 ล้านบาท และปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 62 อยู่ที่ราว 342 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากเดิม 320 ล้านบาท

ทั้งนี้จากสมมติฐานการเติบโตของรายได้รวมที่ 11% สู่ 1,603 ล้านบาท จากยอดขายคอนเทนต์ในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าใหม่คือช่อง ททบ.5 และต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นจากการ Roadshow ไปถึง 7 ประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมากกว่าการเติบโตของค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเพียง 4% สู่ 913 ล้านบาท จากการที่บริษัทลดเงินลงทุนในการซื้อคอนเทนต์ลงจาก 800 ล้านบาทในปี 61 เหลือ 600 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีคอนเทนต์ในมือเพียงพอต่อการเติบโตแล้ว คาดจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นจาก 39% ในปี 61 สู่ 43% และอัตรากำไรสุทธิปรับตัวขึ้นจาก 17% ในปี 61 สู่ 21%

รวมทั้งบริษัทได้สิทธิ์ในการผลิตคอนเทนต์รายการข่าวและคอนเทนต์อื่นภายใต้แบรนด์ CNBC ระยะเวลา 10 ปี (ตั้งแต่ปี 2560-2570) รวมถึงทำการตัดต่อ แปลและพากย์เสียงภาษาไทยให้แก่ผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์เพื่อออกอากาศในประเทศไทย โดยได้รับสิทธิ์เป็น ซึ่งจะพร้อมออกอากาศได้ในไตรมาส 2/62 ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มผลิตคอนเทนต์รายการ First Class Thailand ป้อนให้แก่ช่อง 3 และ Bright TV ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งบริษัทได้แสดงความสนใจเข้านำเสนอรายการเกี่ยวกับการเงินการลงทุนภายใต้

ส่วนของธุรกิจจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ประเภทซีรี่ส์อินเดียและฟิลิปปินส์ในตลาดต่างประเทศในกลุ่ม CLMV มีอัตราเติบโตที่โดดเด่น หลังจากช่วง 9 เดือนแรกได้เริ่มทยอยส่งมอบลิขสิทธิ์ไปแล้วคิดเป็นมูลค่าไปแล้ว 177 ล้านบาท จากมูลค่าสัญญาทั้งหมด 240 ล้านบาท โดยในส่วนที่เหลือจะทยอยส่งมอบและรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปี

อีกทั้งในปี 61 บริษัทได้มีการไป Roadshow ต่างประเทศ 4 ครั้ง ได้แก่ งาน Hong Kong Filmart ในเดือน มี.ค. งาน Telefilm ที่ Ho Chi Minh ในเดือน มิ.ย. งานMIP Com ที่เมืองคานส์ ในเดือนต.ค. และงาน ATF ที่สิงคโปร์ในเดือน ธ.ค. สำหรับในปี 62 มีแผนจะ Roadshow ใน 7 ประเทศ เพื่อโปรโมทคอนเทนต์ในมือของบริษัท

ส่วน นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JKN เปิดเผยว่า นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH หรือกลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ให้ความสนใจธุรกิจคอนเทนต์ โดยเข้าซื้อหุ้น Big Lot  รวมทั้งสิ้น 4 ครั้ง จำนวน 25 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 4.63% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดจากครอบครัว ‘จักราจุฑาธิบดิ์’ ในราคาเฉลี่ย 12.01 บาทต่อหุ้น

โดยซื้อที่ราคาสูงกว่าราคาในกระดาน ณ ช่วงที่ทำการซื้อขายว่า การเข้ามาลงทุนส่วนตัวของคุณหมอเฉลิมถือว่าเป็นผลดีกับ JKN เพราะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนมายาวนาน จะช่วยเติมเต็มความแข็งแกร่งในการดำเนินงานของ JKN จากการแลกเปลี่ยนมุมมองทางธุรกิจ เพื่อการขยายตลาดลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในภูมิภาคนี้และผลักดันการเติบโตที่ดี

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน นายจักรพงษ์ กล่าวว่า มีโอกาสการเติบโตได้อีกมาก ผ่านการขยายตัวของแพลตฟอร์มการออกอากาศทั้งช่องทางสถานีโทรทัศน์ระบบดิจิทัลและสถานีโทรทัศน์ระบบดาวเทียมของบริษัทผู้ประกอบโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ และ VOD (Video On Demand) ส่งผลดีต่อการเติบโตของ JKN ที่มีจุดแข็งด้านลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่จำหน่ายหลายรายการ ซึ่งเป็นสิทธิ์แบบ Output Deal ในรูปแบบเอ็กซ์คลูซีฟ และมีโอกาสขยายธุรกิจในต่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน

ดังนั้นจึงมีความมั่นใจว่า JKN มีการเติบโตที่ดีในอนา คต โดยปัจจัยสนับสนุน คือการเป็นตัวแทนจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ละครช่อง 3 ในตลาดโลก นอกจากนี้ JKN ยังได้รับสิทธิ์ให้ผลิตคอนเทนต์รายการข่าวช่อง CNBC Thailand ภายใต้แบรนด์ CNBC จาก National Broadcasting Company Universal (NBC) ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นระยะเวลา 10 ปี ถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญช่วยสร้างการเติบโตของบริษัทฯ อีกทำให้โครงสร้างรายได้มีเสถียรภาพ

Back to top button