“บล.บัวหลวง” แนะ “ซื้อ” JMART เคาะเป้า 11 บ. ฟันธงผลงานทั้งปีเทิร์นอะราวด์!

"บล.บัวหลวง" แนะ "ซื้อ" JMART เคาะเป้า 11 บ. ฟันธงผลงานทั้งปีเทิร์นอะราวด์ รับส่วนแบ่งรายได้ขายซิม AIS-มีกำไรจากการขาย J Fincoin


บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART พร้อมประเมินราคาเป้าหมายที่ 11 บาทต่อหุ้น  ซึ่งได้แนะนำในรายงาน Bull race (และหุ้นขึ้นมาตามคาด 15%) หลังจากที่ผู้บริหารมา Roadshow ให้กับนักลงทุน และกองทุนใน ประเทศ พบว่า บริษัทมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน และผู้บริหารได้เข้าใจและแก้ไข Pain-Point ที่ทำให้เกิดการขาดทุนไปแล้ว

ดังนั้นจึงคาดว่าในปีนี้บริษัทฯ จะพลิกกลับมามีกำไรอย่างแข็งแกร่ง และ Valuation ปัจจุบัน PE เพียง 16 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 20 เท่า และเมื่อระบบ DDLP เปิดใช้งานและมีรายได้ คาดหุ้นมีโอกาส Re-rate PE ขึ้นไป เกิน 30 เท่า ตามอุตสาหกรรม software service/fintech

โดยคาด JMART จะพลิกกลับมามีกำไรอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ ราว 400 ล้าน บาท เนื่องจากมองว่าการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นของผู้บริหารทำได้อย่างถูกจุด ซึ่งสามารถแก้ Pain Point หลักๆที่เกิดขึ้นได้ ดังนี้ 1) JMART Mobile ปิดสาขาที่ไม่คุ้มทุน ลดสต๊อคสินค้า-คุมความเสี่ยงและปีนี้จะพลิกกำไร จากส่วนแบ่งรายได้จากการขายซิม AIS ซึ่งเป็นพันธมิตร

รวมทั้ง 2) J Fintech ให้บริการสินเชื่อบุคคลปีนี้เปลี่ยนให้ JMT เป็นผู้ที่ช่วยติดตามหนี้สิน และ ตัวเลขการเก็บหนี้ดีขึ้นเป็น 98% จาก 94% ในปีที่แล้ว นอกจากนี้มีการ เปลี่ยนโมเด็ลไปทาธุรกิจ factoring ซึ่งมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่า และยังคงได้ Yield ที่สูง 3) SINGER เน้นขยายธุรกิจรถแลกเงินแทน ซึ่งเป็นพอร์ตมี สินเชื่อที่มีหลักประกัน

อีกทั้งยังมีโอกาสทางธุรกิจใหม่ที่สุดท้าย JMART จะบูรณาการธุรกิจในกลุ่มทั้งหมด และเติบโตขึ้นเป็นผู้ให้บริการทางการเงินแห่งโลกอนาคต ผ่านกลุ่มบริษัท เห็นได้ว่า JMART ปัจจุบันไม่มีร้านขายโทรศัพท์มือถืออีกแล้ว แต่เป็นผู้ให้บริการด้านการเงิน เต็มรูปแบบครอบคลุมตั้งแต่การปล่อย สินเชื่อบุคคล สินเชื่อซื้อสินค้า สินเชื่อรถแลกเงิน ไปจนถึงสินเชื่อธุรกิจ อย่าง factoring และยังมี JMT ที่เป็นผู้บริหารและติดตามเก็บหนี้เสีย ซึ่งมียอดหนี้รอเก็บอยู่ในมือมากกว่า 1 แสนล้านบาท เสมือนขุมสมบัติที่รอการ ขุดขึ้นมา และยังมีธุรกิจประกันภัยด้วย

ทั้งนี้จึงคาดว่าบริษัทฯ จะโชว์กำไรจากการขาย J Fincoin ได้ในปีนี้ หลัง Block Chain ของบริษัทฯ เริ่มใช้งานครึ่งหลังของปี 2561 ที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ นำเงินที่ได้จากการ ICO ไปพัฒนาระบบ Decentralized Digital Lending Platform (DDLP) หากระบบนี้ได้รับความนิยมจะส่งผลให้มูลค่า J Fincoin จะพุ่งขึ้นครั้งใหม่ และหนุนกำไรจากการ Mark to Market เมื่อธุรกิจในเครือเริ่มดำเนินงานด้านการให้บริการทางการเงินผ่าน Block Chain บริษัทฯ

สำหรับไตรมาส 1/62 คาดกำไรสุทธิที่ 85 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนทั้งเมื่อเทียบจากปีก่อนและเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน โดยาประเมินว่า Jmart Mobile จะมียอดขาย 2.4 พันล้านบาท (flat YoY) ในขณะที่ JMT คาดจะมีกาeไร 134 ล้านบาท โต 15% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ J Fintech รวมถึง SINGER หยุดการขาดทุน

Back to top button