FPT กำไรไตรมาส 2 หดตัว 70% ฟาก 6 เดือนยังแกร่งหลังบุ๊กกำไรพิเศษขายสินทรัพย์เข้า“FTREIT”

FPT กำไรไตรมาส 2 หดตัว 70% ฟาก 6 เดือนยังแกร่งหลังบุ๊กกำไรพิเศษขายสินทรัพย์เข้ากอง“FTREIT”


บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT ประกาศผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2562 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.61-31 มี.ค.62 ดังนี้

ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ปี 2562 (1 มกราคม ถึง 31 มีนาคม 2562) กำไรสุทธิปรับตัวลดลง 70% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากในปีก่อนหน้ามีรายการขายอสังหาริมทรัพย์ 592 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทมีรายได้จากการให้เช่าและบริการที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น 22 ล้านบาท หรือเติบโต 6% จากปีก่อนหน้า

สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก (1 ตุลาคม 2561ถึง 31 มีนาคม 2562) มีกำไรเพิ่มขึ้น 266 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 54% จากปีก่อนหน้า จากการขายอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพยเพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (FTREIT) จำนวน 2,025 ล้านบาท คิดเป็นกำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์ 696ล้านบาท ในขณะที่ไม่มีรายการดังกล่าวในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหนา

 

ด้าน นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ FPT เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 บริษัทมีผลการดำเนินการที่ดีอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีพื้นที่ให้เช่ากว่า 2.17 ล้านตารางเมตร ส่งผลให้ปัจจุบัน FPT มีอัตราพื้นที่เช่าโรงงานและคลังสินค้า (Occupancy Rate) อยู่ที่ 79% เพิ่มขึ้นจาก 71% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ การเติบโตอย่างมีนัยสำคัญนี้เป็นผลมาจากการเติบโตของกลุ่มลูกค้าในกลุ่มโลจิสติกส์ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรวมกันสูงกว่า 70% ของภาพรวมผู้เช่าทั้งหมด โดยลูกค้าสัญชาติญี่ปุ่นยังคงเป็นฐานใหญ่ในกลุ่มผู้เช่าโรงงาน ขณะที่ในกลุ่มคลังสินค้านั้นมีผู้เช่าจากญี่ปุ่น และทางยุโรป อาทิ เยอรมัน ฝรั่งเศส ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้พบว่ากลุ่มลูกค้าชาวจีนได้ให้ความสนใจเข้ามาสอบถามเป็นจำนวนมาก

ส่วนในแง่ของพื้นที่เช่าพบว่าโซนตะวันออกของกรุงเทพฯ ครอบคลุมจังหวัดชลบุรี ระยอง และแหลมฉบัง มีความต้องการเช่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงการปรับปรุงการทำงานของบริษัทที่ผ่านมา การให้ความสำคัญ และการทำงานร่วมกับลูกค้า รวมถึงการกำหนดกลยุทธ์ขององค์กรใหม่ ส่งผลให้บริษัทมีผลงานที่ดีขึ้น

โดยครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 62 บริษัทได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าบริษัทชั้นนำจากหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ โลจิสติกส์ , เพาเวอร์บาย (Power Buy) ล่าสุดสามารถปิดดีล Built-to-Suit พัฒนาศูนย์กระจายสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิขนาดใหญ่แห่งใหม่ให้แก่ ฮาวี ลอจิสติกส์ (ประเทศไทย) ผู้นำด้านการให้บริการโลจิสติกส์และจัดการซัพพลายเชนระดับโลก เพื่อรองรับการจัดเก็บสินค้าประเภทควบคุมอุณหภูมิ

นอกจากนี้ยังมีลูกค้าจ่อปิดดีลอีกเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ธุรกิจสิ่งทอและเสื้อผ้า ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติก (Plastic injection) และธุรกิจเทรดดิ้ง เป็นต้น

ทั้งนี้ บริษัทยังเดินหน้าขยายธุรกิจผ่านการผนึกพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ โดยเริ่มต้นปีด้วยการจับมือกับ บมจ.สหไทย เทอร์มินอล (PORT) เพื่อร่วมลงทุนพัฒนาและบริหารโครงการโลจิสติกส์พาร์คแห่งใหม่ บนพื้นที่ไม่ไกลจากศูนย์กลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ ต่อด้วยการเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัท พีบีเอ กรุ๊ป (PBA Group) เพื่อมอบโซลูชั่นด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (Robotics and Automation) สำหรับอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ให้แก่ลูกค้า และล่าสุดได้ร่วมลงทุนกับพันธมิตรผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก มิตซุย ฟูโดะซัน (Mitsui Fudosan) เพื่อพัฒนาและบริหารโครงการโลจิสติกส์พาร์ค บนพื้นที่ย่านบางปะกงและวังน้อยเพิ่มเติม

ทั้งนี้ เพื่อสร้างการเติบโตและความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจในระยะยาวตามเป้าหมายในการเป็นผู้นำทางด้าน Smart Integrated Platform เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่าน บริษัทฯได้มีการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการโดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer) ของบมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) โดยเมื่อวันที่ 7 พ.ค.62 ที่ผ่านมา ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการดังกล่าว และลำดับต่อไปจะเป็นขั้นตอนของการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค.-ส.ค.62 การดำเนินการดังกล่าวจะเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของการเติบโตทางธุรกิจของ FPT

“บริษัทมั่นใจว่าการดำเนินงานในปีนี้จะเป็นไปอย่างดีเยี่ยม เกินเป้าหมายที่วางไว้ และบริษัทกำลังพิจารณาปรับเป้าใหม่ให้สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจ รวมถึงการปรับปรุงแผนธุรกิจให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรม การเติบโตสร้างศักยภาพทางธุรกิจร่วมกันของพันธมิตรต่างๆ ที่เกิดขึ้น และการปรับปรุงในมิติขององค์กร บุคลากร และการทำงาน รวมถึงการพัฒนางานทางด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นภายหลังจากการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อย่างเต็มตัวเมื่อต้นปีนี้ ทั้งนี้เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำการให้บริการสมาร์ทแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร” นายโสภณ กล่าว

Back to top button