ORI เดินหน้าเปิดโครงการใหม่หนุน Backlog ทะลุแสนลบ. ตั้งเป้าปี 65 รายได้แตะ 3 หมื่นลบ.

ORI เดินหน้าเปิดโครงการใหม่หนุน Backlog ทะลุแสนลบ. ตั้งเป้าปี 65 รายได้แตะ 3 หมื่นลบ.


นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร และเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ในทำเลศักยภาพอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภายในปีนี้ บริษัทจะมียอดเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยมูลค่าสะสมทะลุ 1 แสนล้านบาท กลายเป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพียงไม่กี่บริษัทที่สามารถเปิดตัวโครงการสะสมทะลุยอดดังกล่าว และถือเป็นบริษัทที่สามารถพัฒนาโครงการให้ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง จนสามารถเปิดตัวโครงการสะสมทะลุหลักแสนล้านบาทภายใน 10 ปี ทั้งนี้บริษัทมีสถานะแบ็กล็อกคุณภาพ ณ สิ้นไตรมาส 1 สูงถึง 34,000 ล้านบาท ที่จะรับรู้รายได้อีก 3 ปี ข้างหน้าไว้เป็นทุนแล้ว

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าสิ้นปี 2562 สัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจประเภทต่างๆ ของบริษัทจะเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่สัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 80% ธุรกิจบ้านจัดสรรอยู่ที่ 10% แต่ในปีนี้ รายได้จากธุรกิจบ้านจัดสรรขยับเพิ่มมาเป็น 15% และคาดว่าภาพรวมบริษัท ยังสามารถรักษาระดับกำไรขั้นต้นไว้ได้ที่ระดับ 40%

ธุรกิจบ้านจัดสรรอาจไม่ใช่ธุรกิจที่มีกำไรมากเท่าธุรกิจคอนโดมิเนียม แต่เป็นธุรกิจที่สามารถทำรอบได้เร็วเฉลี่ย 1.5-2 รอบต่อปี ทำให้บริษัทสามารถทำรายได้รวมและกำไรได้ดีขึ้น โดยช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทเริ่มมีรายได้จากโครงการใหม่ที่เริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้รายได้เพิ่มเติมถึง 2 โครงการ ได้แก่ โครงการบริทาเนีย เมกะทาวน์ บางนา และโครงการบริทาเนีย บางนา กม. 12” นายพีระพงศ์ กล่าว

ขณะเดียวกัน บริษัทได้ปรับเป้าการเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรรภายใต้แบรนด์บริทาเนีย (Britania) เพิ่มเติม เป็น 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 8,000 ล้านบาท และภายในไตรมาส 3 ของปีนี้จะมีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมที่จับกลุ่มผู้ซื้อคอนโดมิเนียมครั้งแรก (First Condo Buyer) และกลุ่มสตาร์ทอัพภายใต้แบรนด์ดิ ออริจิ้น (The Origin)

สำหรับแผน 5 ปีของบริษัท คือการมีรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 15% ทำให้ภายในปี 2565 บริษัทจะมีรายได้รวมทุกกลุ่มธุรกิจถึง 30,000 ล้านบาท จากเดิม 16,638 ล้านในปี 2561 โดยปัจจุบันบริษัทมีแบ็คล็อกคุณภาพอยู่แล้วที่ประมาณ 34,000 ล้านบาท พร้อมทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 2564 ซึ่งตอกย้ำให้แผนการเติบโตของบริษัทเป็นไปได้ตามเป้าหมาย

เรามีวิสัยทัศน์ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการสร้าง New S Curve หรือธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนอย่างโรงแรม ที่จะเริ่มสร้างรายได้เข้ามาเป็นครั้งแรกในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ถึง 2 โครงการ ได้แก่ โรงแรม Staybridge Suites Bangkok Thonglor และโรงแรม Holiday Inn & Suites Sriracha จากวิสัยทัศน์ทั้งหมดของเรา ทำให้เรากลายเป็นบริษัทที่มีรายได้เติบโตอย่างมั่นคงและกลมกล่อม” นายพีระพงศ์ กล่าว

Back to top button