เปิด 10 รายชื่อหุ้น mai วิ่งแรงในรอบ 5 เดือน ชู TACC แชมป์โกยรีเทิร์นเกิน 60%

เปิด 10 รายชื่อหุ้น mai วิ่งแรงในรอบ 5 เดือน ชู TACC แชมป์โกยรีเทิร์นเกิน 60%


ผ่านไปแล้วสำหรับการลงทุน 5 เดือนแรกปี 2562 แน่นอนการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีทิศทางสดใสและปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับปัจจัยบวกหลายเข้ามาหนุนโดยเฉพาะการเมืองที่ได้มีการจัดเลือกตั้งและผลโหวตสมาชิกรัฐสภาเลือกพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯเป็นที่เรียบร้อย

ขณะเดียวกันการประชุมเฟดในช่วงที่ผ่านมาได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.5% และพร้อมทั้งส่งสัญญาณชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นตอบรับปัจจัยดังกล่าว อีกทั้งนักวิเคราะห์เน้นให้ลงทุนในหุ้นกลุ่ม Domestic Play ซึ่งคาดว่าจะยังเคลื่อนไหวได้แข็งแกร่งในระยะกลาง-ยาวจากการกระตุ้นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ

อย่างไรก็ตามช่วงที่ผ่านมาทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นกลุ่ม SET มานำเสนอไปแล้ว สำหรับครั้งนี้จะขอนำเสนอกลุ่มหุ้นตลาดหลักทรัพย์ mai ที่ราคาปรับตัวขึ้นอีกด้าน โดยเทียบราคาหุ้นยืน ณ วันที่ 28 ธ.ค. 2561 -วันที่ 31 พ.ค.62 ซึ่งหุ้นที่คัดเลือกมา 10 อันดับได้แก่ TACC,SEAOIL,AU,JCKH,FPI, YUASA,AUCT, ACAP,ETE,SELIC ดังตารางประกอบ

อันดับ 1 บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง 65.08% โดยราคาหุ้นปรับขึ้นจากระดับ 2.52 บาท (28 ธ.ค.61) มาอยู่ที่ระดับ 4.16 บาท (31 พ.ค.62)  คาดนักลงทุนเข้าเก็งกำไรผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/62 ออกมาสดใสบวกกับแผนธุรกิจเด่นและนักวิเคราะห์มองว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2/62 จะยังสดใสต่อเนื่องทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา

บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” มีราคาเหมาะสม 4.90 บาท โดยมีมุมมองเชิงบวกกับ TACC เนื่องจากคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/62 จะเติบโตมากกว่าไตรมาสก่อน และเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รับอานิสงส์จากเข้าสู่ฤดูร้อน ทำให้ธุรกิจเครื่องดื่มในสาขา 7-11 มียอดขายสูงขึ้น ประกอบกับในช่วงเดือน พ.ค.ของปีที่ผ่านมา ผลประกอบการได้รับผลกระทบจากภาษีน้ำตาลทำให้มีฐานรายได้และกำไรต่ำ

ส่วนทิศทางรายได้ปีนี้คาดยังเติบโต 15-20% เป็นไปตามทิศทางการขยายตัวของสาขา 7-11 และมีธุรกิจคาแรคเตอร์ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่บริหารลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์การ์ตูนของ San-X ซึ่งในปีที่แล้วบริษัทมีรายได้จากธุรกิจดังกล่าว 18 ล้านบาท แต่ในปีนี้เชื่อว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด หรือมากกว่าเท่าตัว เพราะมีลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังแผนเปิดตัวคาแรคเตอร์ใหม่อีกด้วย พร้อมกับขยายธุรกิจคาแรคเตอร์ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ มาเลเซีย ,เวียดนาม และสิงคโปร์

ด้านแผนขยายตลาดต่างประเทศ ในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา บริษัทเพิ่งกลับไปขายเครื่องดื่มตรา Zenya ที่กัมพูชาอีกครั้ง คาดเป็นอัพไซด์ของแผนการเติบโตในอนาคต ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิของ TACC ปี 2562 จะอยู่ที่ 119 ล้านบาท เติบโต 75% เมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิเพียง 68.39 ล้านบาท

 

อันดับ 2 บริษัท ซีออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAOIL ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง 64.24% โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นจากระดับ 3.44 บาท (28 ธ.ค.61) มาอยู่ที่ระดับ 5.65 บาท (31 พ.ค.62) โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวแรงส่วนใหญ่มาจากประเด็นบริษัท แพนโอเรียนท์ เอ็นเนอร์ยี่ (สยาม) ลิมิเต็ด (POES) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมค้าที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 49.99% ได้รับการอนุมัติพื้นที่ผลิตปิโตรเลียม DD แปลงสำรวจบนบกหมายเลข L53/48 จำนวน 2.22 ตารางกิโลเมตร จากอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ

โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการปิโตรเลียม พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในจังหวัดสุพรรณบุรี การอนุมัติในครั้งนี้ ทำให้แพนโอเรียนท์ฯ สามารถผลิตน้ำมันจากแหล่งปิโตรเลียม DD ที่ได้ขุดหลุมสำรวจไว้แล้วทั้งหมด 4 หลุม (DD1, DD2, DD3 และ DD4)

ขณะเดียวกันบริษัทรายงานผลงานไตรมาส 1/62 พลิกกำไร 10.72 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 16.38 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมค้า แพน โอเรียนท์ เอ็นเนอยี่ (สยาม) ลิมิเต็ด จำนวน 14.20 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น 18.84 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 405.67 เนื่องจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นและราคาน้ำมันดิบในตลาดปรับตัวสูงขึ้น

รวมทั้งมีต้นทุนทางการเงิน จำนวน 11.81 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนลดลง 4.56 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 27.85 เนื่องจากเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินลดลง จึงทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง เป็นปัจจัยหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา

 

อันดับ 3 บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ AU ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง 61.67% โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นจากระดับ 6.00 บาท (28 ธ.ค.61) มาอยู่ที่ระดับ 9.70 บาท (31 พ.ค.62) โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวแรงส่วนใหญ่มาจากแผนธุรกิจออกมาอย่างโดดเด่นบวกกับผลงานสดใสและมีแนวโน้มโตต่อเนื่องทำให้นักวิเคราะห์แนะนำให้เข้าลงทุน

บล.โกลเบล็ก ระบุว่า  ภายหลังผลประกอบการไตรมาส 1/62 สูงกว่าที่คาดถึง 19% จึงปรับเพิ่มประมาณการรายได้ปี 62 สู่ 1,151 ลบ. (เพิ่ม 7%) +32%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามแผนการเปิดสาขาเพิ่มทั้งหมดในปีนี้ราว 10 สาขา โดยปัจจุบันเปิดเพิ่มแล้ว 5 สาขา ประกอบกับการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ยังคงทำได้ดีที่ระดับ 5% ส่วน %GPM ปรับลงมาที่ระดับ 66% จากปี 61 อยู่ที่ระดับ 67% เนื่องจากงาน OEM มีอัตรากำไรที่ต่ำกว่า ขณะที่ % SG&A คาดว่าจะทำได้ดีขึ้นมาที่ระดับ 44.3% จากปี 61 อยู่ที่ระดับ 46.7%

เนื่องจากการประหยัดจากขนาด (Economies of Scale) ประกอบกับบริษัทมีรายได้จากการ Delivery และซื้อกลับบ้านเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนด้านพนักงาน สถานที่ และอุปกรณ์ ส่งผลให้เราประมาณการกำไรปี 62 เพิ่มขึ้นสู่ 197 ลบ. (เพิ่ม 9.3%) +33.5%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน *หมายเหตุ : ประมาณการรายได้และกำไรของปี 62 ยังไม่รวมรายได้จากธุรกิจแฟรนไชส์ที่ประเทศฮ่องกงซึ่งจะเป็นอัพไซด์ของผลการดำเนินงานในอนาคต

ประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี DCF โดยใช้สมมติฐาน WACC = 7.2% และ Terminal Growth = 3.5% ได้ราคาเหมาะสม 9.20 บาท (จากเดิมที่ 8.50 บาท)

 

อันดับ 4 บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ  FPI ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง 37.63% โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นจากระดับ 1.86 บาท (28 ธ.ค.61) มาอยู่ที่ระดับ 2.56 บาท (31 พ.ค.62) โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวแรงส่วนใหญ่มาจากแผนธุรกิจออกมาอย่างโดดเด่นบวกกับผลงานสดใสและมีแนวโน้มโตต่อเนื่องทำให้นักวิเคราะห์แนะนำให้เข้าลงทุน

โดย FPI โชว์กำไรไตรมาส 1/62 แตะ 40 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 74% เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ขณะที่รายได้รวมเท่ากับ 485 ล้านบาท อานิสงส์ตลาดต่างประเทศฟื้นทั้งภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลาง ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยประเมินแนวโน้มไตรมาส 2/62 สดใสต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจางานของ TOYOTA ซึ่งจะเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ คาดว่าจะได้งานราว 150-200 ล้านบาท น่าจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 2/62  โดยมั่นใจรายได้ปีนี้เข้าเป้าโต 10% จากงวดเดียวกันปีก่อน

 

อันดับ 5 บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ YUASA ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง 34.69% โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นจากระดับ 9.50 บาท (28 ธ.ค.61) มาอยู่ที่ระดับ 13.20 บาท (31 พ.ค.62) ราคาหุ้นปรับตัวแรงคาดเป็นการเก็งกำไรหลังหุ้นเป็นขาลงมานาน อีกทั้งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 บริษัทแจ้งผลกำไรปี 61 ออกมาสดใสทำให้นักลงทุนเข้ามาไล่ราคาประกอบกับผลงานไตรมาส 1/62 ยังสดใสทำให้ราคาหุ้นในช่ง 5 เดือนปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button