BEAUTY ควัก 105 ลบ.ปันผล 0.035 บ.แย้มครึ่งปีหลังฟื้นรับกลยุทธ์ใหม่ดันรายได้แตะ 2.2 พันลบ.

BEAUTY ควัก 105 ลบ.ปันผล 0.035 บ.แย้มครึ่งปีหลังฟื้นรับกลยุทธ์ใหม่ดันรายได้แตะ 2.2 พันลบ.


นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก จากการปรับกลยุทธ์โครงสร้างการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ ในช่วงที่ผ่านมามุ่งเน้นเพิ่มสัดส่วนรายได้โดยขยายธุรกิจนอกจากช่องทางร้านค้าปลีก (Non Retail ) ในประเทศ และเดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น จากกลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยผลักดันรายได้ให้เติบโต และรักษาอัตรากำไรสุทธิที่ดี เนื่องจากมีต้นทุนดำเนินการที่ต่ำ  และเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงลดการพึ่งพิงตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป

ทั้งนี้ตลาดในประเทศจะมุ่งเน้น ช่องทางการขายที่ไม่ใช่ร้านค้าปลีก(ช่องทาง Non Retails ) เช่นขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ช่องทางสินค้าอุปโภค สินค้าประจำวัน (Consumer Product)  ช่องทางกิจกรรมการตลาด บิวตี้ เฟส ( BEAUTY FEST )  ซึ่งเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าในรูปแบบของงานแสดงสินค้า สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกแห่งไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าหรือตลาดนัด สินค้าที่จำหน่ายจะมีทั้งสินค้าของบริษัทเองและของคู่ค้าต่างๆ และช่องทางการจำหน่ายใหม่ โฮมชอปปิ้ง ซึ่งได้เริ่มออกอากาศแล้วในเดือน กรกฎาคม 2562  รวมทั้งใช้กลยุทธ์สินค้าขับเคลื่อน (Product Driven) ซึ่งในปีนี้มีแผนสร้าง Product Hero จำนวน 57 รายการ

ส่วนช่องทางร้านค้าปลีก (Retails) มุ่งกลยุทธ์การเปิดสาขาใหม่ในทำเลที่มีศักยภาพการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าสูง และลดสาขาที่ไม่มีศักยภาพในการเติบโต เพื่อลดต้นทุนการบริหารจัดการ โดยปัจจุบันมีสาขาในประเทศรวมทั้งสิ้น 328 สาขา แบ่งเป็น BEAUTY BUFFET 259 สาขา BEAUTY COTTAGE 68  สาขา และ BEAUTY MARKET 1 สาขา

อีกทั้งบริษัทปรับดีไซน์ของร้าน BEAUTY BUFFET ซึ่งได้เปิดตัวแล้วในวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี  พร้อมทั้งสร้างโมเดลการขายสินค้าประเภท Multi Brand เข้ามาจำหน่าย เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภคได้ครอบคลุมมากขึ้น โดยจะมีการเปิดตัวโมเดลนี้ในวันที่ 19 สิงหาคม 2562

สำหรับตลาดต่างประเทศ ในปีนี้มีแผนขยายตลาดจำนวน 15 ประเทศ ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่าย13  ประเทศ ประกอบด้วย สิงคโปร์  ไตหวัน มาเลเซีย เมียนม่า ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฮ่องกง ลาว บรูไน อินเดีย ญี่ปุ่น และประเทศจีน(Mainland Chaina) สำหรับสาธารณรัฐประชาชนจีนถือว่าเป็นตลาดใหญ่ มีโอกาสทางธุรกิจสูง ปัจจุบันบริษัทได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายแล้วจำนวน 4  ราย และปัจจุบันมีจุดจำหน่าย 25,296  จุดจำหน่าย

อีกทั้งยังเน้นรุกตลาดประเทศจีน โดยกระจายสินค้าผ่านช่องทาง Cross Border E-commerce อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าวางจำหน่ายแล้วจำนวน 10  Platforms อาทิ  TMALL, JD, Kaola, VIP, YUNJI,  Little Redbook, Beidiam, Jumei , PIN DUO DUO  และ Global Scaner  และในปีนี้มีแผนเจรจาเพิ่มทั้งจำนวน Platform และขยายจำนวน SKUs สินค้าเข้าจำหน่าย รวมทั้งมีแผนแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในอีก 3  ประเทศเป้าหมาย คือ  รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แคนาดา

สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 2 มีรายได้รวม 531.6  ล้านบาท ลดลง 3.1 % จากไตรมาสก่อนที่มีรายได้รวม 548.7  ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 46.8 ล้านบาท ลดลง 32.8% จากไตรมาสก่อนที่มีกำไรสุทธิ 69.6  ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2562  บริษัทมีรายได้รวม 1,080.3  ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,762.5   ล้านบาท ลดลง 38.7% และมีกำไรสุทธิ 116.3 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 538.8  ล้านบาท ลดลง 78.4%

ทั้งนี้ผลประกอบการปรับตัวลดลง เนื่องจากกำลังซื้อผู้บริโภคในประเทศหดตัว นักท่องเที่ยวจีนกลุ่ม ผู้ซื้อสินค้ารายย่อยไปจำหน่าย (Wholesale ) ลดลงเป็นจำนวนมาก อีกทั้งการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาดเครื่องสำอาง     ด้านตลาดต่างประเทศได้รับผลกระทบจากกฎหมายควบคุมการนำเข้าสินค้าจีน การอ่อนค่าเงินหยวนและค่าเงินบาทแข็งตัวอย่างต่อเนื่อง  ทำให้การส่งออกสินค้าทุกประเภทไปประเทศจีนน้อยลง

อย่างไรก็ตามธุรกิจ BEAUTY ยังมีศักยภาพในการเติบโตจากการปรับกลยุทธ์โครงสร้างการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ  และยังได้รับคำสั่งซื้อสินค้าจากตัวแทนจำหน่ายประเทศจีนและประเทศอื่นๆอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสินค้า BEAUTY ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคจีนและประเทศเขตเอเซีย โดยคาดการณ์รายได้ทั้งปี 2562 ที่ประมาณ 2,200 ล้านบาท

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.62 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.035 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 90.10 %ของกำไรสุทธิ โดยจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดรวมทั้งสิ้น 104.8 ล้านบาท โดยจะทำการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับปันผล(Record Date)ในวันที่ 28 ส.ค. 62 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 9 ก.ย. 62

Back to top button