INSET พื้นฐานแข็งแกร่ง

INSET ถือว่าเป็นน้องใหม่ที่เป็นหุ้นมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และเชื่อว่ามีความโดดเด่นด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต


คุณค่าบริษัท

เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2562 ที่ผ่านมา บริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) หรือ INSET ลงสนามเทรดตลาดรองในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรก… ปรากฏว่าราคาหุ้นพุ่งไปปิดระดับ 2.84 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 5.58% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 873.72 ล้านบาท ส่งผลให้ปิดเหนือราคา IPO ที่ 2.69 บาท/หุ้น

การปิดเหนือจองในการเทรดวันแรกในตลาดรองนั้น!! ไม่แปลกใจ… เพราะเชื่อว่านักลงทุนให้ความเชื่อมั่นต่อธุรกิจของ INSET ในระยะยาวว่าจะเติบโตได้อย่างมั่นคง.. ด้วยเป็นผู้ให้บริการรับเหมาก่อสร้างให้ผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโทรคมนาคม ได้แก่ 1. ธุรกิจก่อสร้างศูนย์ข้อมูลและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 2. ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคม และ 3. ธุรกิจงานซ่อมบำรุงและบริการ

ประกอบกับบริษัทมีจุดแข็งทางด้านผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง…อย่างสม่ำเสมอ หลักๆ ถือกำไรสุทธิ โดยในปี 2560 ทำกำไรสุทธิ 63.91 ล้านบาท ต่อมาในปี 2561 ทำกำไรสุทธิ 94.56 ล้านบาท และล่าสุดในครึ่งแรกปี 2562 ทำกำไรสุทธิไปแล้ว 46.57 ล้านบาท

ขณะเดียวกันจากข้อมูลนักวิเคราะห์ ประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 2562 ที่ 138 ล้านบาท เติบโตราว 45.60% จากปี 2561 นอกจากนี้คาดรายได้ปี 2562 ราว 1,388 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.70% คิดเป็นการเติบโตของรายได้เฉลี่ย CAGR ปี 2560-2564 ราว 34.10%

เหตุ คาดมาจากทั้ง 3 ธุรกิจหลักของบริษัทที่ทยอยรับรู้ โดยมีงานที่รอการส่งมอบ (Backlog) ราว 2,740 ล้านบาท ณ 30 มิ.ย. 2562 สอดคล้องกับนโยบายปฏิรูปประเทศสู่ Digital Thailand ประกอบกับอัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเป็น 18.50% ในปี 2562 จาก 17.40% ในปี 2561 จากสัดส่วนประเภทของงานที่ได้รับและความสามารถในการบริหารงานภายใน

ถือว่าเป็นน้องใหม่ที่เป็นหุ้นมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และเชื่อว่ามีความโดดเด่นด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต

สิ่งสำคัญการดำเนินธุรกิจในอนาคตมีโอกาสเติบโตสูงตามภาวะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม

และที่น่าสนใจไม่ควรมองข้าม คือ ค่า P/E ที่ระดับ 13.70 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่า P/E ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีธุรกิจที่ใกล้เคียงกันอยู่ที่ระดับ 16 เท่า หากเปรียบเทียบกับบทวิเคราะห์ที่มีการประเมินราคาที่เหมาะสมกับพื้นฐานประมาณ 3.10-3.68 บาท จะเห็นว่าราคาหุ้นที่ปิด 2.84 บาทยังมีความน่าสนใจในการเข้าเก็งกำไร พร้อมกับบริษัทมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ต่อปี

ขณะที่มุมมอง บล.ทรีนีตี้ ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเป้าหมายปี 2563 อยู่ที่ 3.45 บาทต่อหุ้น

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. นายศักดิ์บวร พุกกะณะสุต 212,850,000 หุ้น 38.01%
  2. นายบุญสมิทธิ์ พุกกะณะสุต 62,700,000 หุ้น 11.20%
  3. ว่าที่ ร.ต.สุรพันธ์ เตไชยา 24,000,000 หุ้น 4.29%
  4. นายเมธา โชติอภิสิทธิ์กุล 21,450,000 หุ้น 3.83%
  5. นางสาวณัฐพิชา เหล่าบุญชัย 13,200,000 หุ้น 2.36%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช ประธานกรรมการ, กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ
  2. นายศักดิ์บวร พุกกะณะสุต กรรมการผู้จัดการ, กรรมการ
  3. นายเมธา โชติอภิสิทธิ์กุล กรรมการ
  4. นายอัครวัฒน์ อัครสุวรรณชัย กรรมการ
  5. นายวิเชียร เจียกเจิม กรรมการ

Back to top button