IPO เริงร่า

*ในเมื่อบรรยากาศทางการเมืองระหว่างประเทศมหาอำนาจกำลังชื่นมื่นอยู่นั้น ความคิดของเดี๊ยนก็แว่บขึ้นมาในทันทีว่า สัปดาห์นี้น่าจะเป็นช่วงที่ทำให้หุ้นน้องใหม่ IPO พากันเปิดตัวแบบสวยสดงดงามกันอย่างถ้วนหน้า เพราะความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าทุเลาลงมาก จนหลายคนเริ่มมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์มากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นตัวเร่งให้นักเล่นกลุ่มสถาบันเข้ามาไล่เก็บหุ้นอีกรอบไงล่ะคะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ในเมื่อบรรยากาศทางการเมืองระหว่างประเทศมหาอำนาจกำลังชื่นมื่นอยู่นั้น ความคิดของเดี๊ยนก็แว่บขึ้นมาในทันทีว่า สัปดาห์นี้น่าจะเป็นช่วงที่ทำให้หุ้นน้องใหม่ IPO พากันเปิดตัวแบบสวยสดงดงามกันอย่างถ้วนหน้า เพราะความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าทุเลาลงมาก จนหลายคนเริ่มมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์มากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นตัวเร่งให้นักเล่นกลุ่มสถาบันเข้ามาไล่เก็บหุ้นอีกรอบไงล่ะคะ

*ตรงนี้เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้รู้ว่าการตั้งฐานใหม่ของตลาดหุ้นไทยกำลังอยู่ในโมเมนตัมที่ค่อนข้างดี เพราะองค์ประกอบหลายอย่างเอื้อให้แรงซื้อไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยอีกรอบ “โมนิก้า” ถึงมองการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1,573.91 จุด บวกไป 10.06 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.11 หมื่นล้านบาท กลายเป็นช็อตต่อเนื่องของการไล่ดัชนีขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1,600 จุดอีกครั้งนะจะบอกให้

*ข้อมูลเหล่านี้ทำให้ “โมนิก้า” ออกอาการเนื้อเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบหลายเดือน เพราะเมื่อไล่เรียงเรื่องราวอย่างเป็นขั้นเป็นตอน จะเห็นว่าไทม์ไลน์ของข่าวดีดังกล่าวเริ่มต้นจากเฟดคงดอกเบี้ย ต่อจากนั้นเป็นเรื่อง S&P ปรับมุมมองที่มีต่อประเทศไทยดีขึ้น ก่อนจะจบลงด้วยเรื่องข้อตกลงทางการค้าระหว่าง “พญาอินทรี” กับ “พญามังกร” กำลังจะบรรลุด้วยดีแบบนี้..หุ้นถึงระเบิดเถิดเทิงกันเป็นแถวเจ้าค่ะ

*ดี๊ด๊าก่อนใครเพื่อน “โมนิก้า” คงต้องมองไปที่ BAM เพื่อทำให้เห็นความเป็นไปได้ที่กองทุนจะช่วยกันดันหุ้นขึ้นไปอีก หลังบรรยากาศการลงทุนค่อนข้างเปิดโล่งกว่าที่ผ่านมา รวมทั้งบรรดาขุนพลอยพยัคฆ์ต่างรับลูกเป็นระนาด เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับจับตาการเทรดหุ้นวันนี้ให้ดีเป็นพิเศษ เพราะมันหมายถึงย่างก้าวที่หุ้นจะไปต่อแบบแข็งแกร่งมีมากน้อยขนาดไหนนะตัวเอง

*รายถัดมาที่น่าจะได้รับอานิสงส์ตามมาติด ๆ คงเป็นหุ้นอสังหาฯ ภูธรน้องใหม่สีชมพูที่ชื่อ KUN อย่างแน่นอน เพราะบรรยากาศลงทุนที่เป็นใจให้สุด ๆ ย่อมหมายถึงการตอบรับที่ดีจากตลาดหุ้น “โมนิก้า” ถึงมองเป็นจังหวะของการไหลตามน้ำเมื่อสบโอกาสทอง เพราะราคา IPO ที่ขาย 1.10 บาท เป็นระดับที่ต่ำกว่าขายให้กลุ่มเดิมในราคา 1.35 บาท จึงไม่ต้องกังวลจะโดนสาดทิ้งเหมือนหุ้นบางตัวก่อนหน้านี้นะจ๊ะ

*ส่วนหุ้นน้องใหม่ที่ปิดท้ายสัปดาห์นี้ต้องโฟกัสไปที่หุ้น SFLEX หลังกระแสตอบรับจาก “วงนอก” และ “วงใน” ดีมากเหลือเกิน เพราะเมื่อเจาะลงไปในรายละเอียดของธุรกิจจะเห็นว่า นี่เป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคอนซูมเมอร์โดยตรง ไม่ว่าจะเป็น “ของกิน ของใช้” จึงกลายเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่น่าจะมี growth ที่ดีในปีหน้า..อ้อ! ถ้ายังมองภาพไม่ออก เดี๊ยนขอแนะนำให้ไปดู “ซองใส่มาม่า” หรือ “ถุงน้ำยาซักผ้า” ก็จะเข้าใจธุรกิจของหุ้นตัวนี้ได้ชัดเจนขึ้นนะคะ

*สำหรับรายที่ตลาดหุ้นยังไม่เข้าใจ และยังมีอาการรับไม่ได้ คงต้องพุ่งเป้าไปยังหุ้นตราดอกบัว BBL หลังโดนนักเล่นกลุ่มสถาบันซัดกระหน่ำต่ออีกหนึ่งวัน จนราคาหุ้นร่วงลงมาปิดที่ 151.50 บาท ลบไป 10 บาท หรือลงไป 6.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.29 หมื่นล้านบาท เท่ากับเป็นการย้ำหัวหมุดการซื้อแบงก์อินโดฯ ไม่ก่อให้เกิดซินเนอร์จี้ใด ๆ บรรดาผู้เล่นสังกัดต่าง ๆ ถึงพากันส่งเสียงร้องยี้กันเป็นแถวไงล่ะคะ

*อีกรายที่มีอาการไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ คงเทน้ำหนักไปยังเจ้าพ่อสื่อสาร ADVANC เป็นรายถัดไปในทันที เพราะแรงเทขายที่ออกมาท่ามกลางบรรยากาศลงทุนเขียวปี๋ “โมนิก้า” ตีความได้อย่างเดียวว่า โมเมนตัมของการทำธุรกิจปีหน้าน่าจะมีปัญหาบางประการเกิดขึ้นให้เห็น แถมเมื่อมองหนทางในการปั๊มกำไรก็สุดแสนจะลำบาก บรรดานกรู้เลยชิงขายหุ้น จนร่วงลงมาปิดที่ 209 บาท ลบไป 4 บาท หรือลงไป 1.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.87 พันล้านบาทกระมัง!

*ไหน ๆ ก็เม้าท์ถึงเรื่องแทงกั๊กขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ย่อมมองไปยังสถานการณ์ของ KTC มากกว่ารายอื่น ๆ เพราะต้องเผชิญกับเรื่องราวชวนปวดหัวนานถึง 3-4 เดือนเลยทีเดียว! เดี๊ยนเลยไม่แน่ใจว่า การขึ้นมายืนปิดที่ 41.50 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 247 ล้านบาท เป็นการเด้งกลับช่วงสั้น ตามบรรยากาศตลาดหุ้น หรือเป็นการขึ้นยาวแบบบูรณาการกันแน่เจ้าค่ะ

*ส่วนที่แน่ชัดว่าน่าจะเป็นการลากไปเชือดอย่างแน่นอน “โมนิก้า” คงเทน้ำหนักไปยังหุ้น GSC ลูกบังเกิดเกล้าของ ACAP มากเป็นพิเศษ เพราะเมื่อมองดูจากสตอรี่คาว ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แบบเจาะลึกทุกเม็ด จะเห็นว่าหุ้นตัวนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยพับผ่าซิ! เดี๊ยนถึงมองหุ้นลูกวิ่งขึ้นมาปิดที่ 0.78 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 14.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 75 ล้านบาท เป็นเรื่องที่โหลยโท่ยมาก ๆ เช่นเดียวกับตัวแม่ที่วิ่งขึ้นมาปิด 1.37 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 6.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 30 ล้านบาท ก็เป็นเรื่องน่าแหวะเหมือนกันจ้า!

Back to top button