JMART ดัน บ.ลูกปั๊มกำไรโตแรง ลุ้นคลอด “วอแรนท์ 3-4” เสริมฐานทุนหนุนขยายงาน

JMART ดัน บ.ลูกปั๊มกำไรโตแรง ลุ้นคลอด “วอแรนท์ 3-4” เสริมฐานทุนหนุนขยายงาน


สืบเนื่องจาก บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 2563 โดยมุ่งเน้นการ Synergy กันกับธุรกิจภายในเครือให้มากขึ้น เพื่อสร้างฐานที่แข็งแกร่งให้กับธุรกิจในเครือ ที่ผ่านมามีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายในองค์กรไปมากแล้ว ซึ่งมองว่าในปีนี้น่าจะเป็นการออกดอกเก็บผลได้มากขึ้น พร้อมตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อนอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทมีแผนปรับปรุงสาขาเดิม ให้เป็นรูปแบบ Jaymart ioT ในไตรมาส 2/63 เป็น 10 สาขา จากปัจจุบันมีสาขาอยู่แล้วจำนวน 2 สาขา ได้แก่ ที่เมกาบางนา และล่าสุดที่แฟชั่น ไอแลนด์ โดยรูปแบบดังกล่าวจะขายสินค้า Gadget ในสัดส่วน 80% และขายสมาร์ทโฟนในสัดส่วน 20% โดยวางงบลงทุนไว้ที่ 3 ล้านบาทต่อสาขา

สำหรับสาขา JMART เดิมบริษัทก็มีแผนปรับโฉมสาขาใหม่จำนวน 40 สาขา วางงบลงทุนไว้ที่ 1 ล้านบาทต่อสาขา โดยจะเป็นสินค้า ioT 50% และสมาร์ทโฟน 50% จากเดิมที่ขายสินค้าสมาร์ทโฟนเกือบ 100% และมีแผนขยายสาขาใหม่อีก 15 สาขา วางงบลงทุน 2 ล้านบาทต่อสาขา จากปัจจุบันมีสาขาโดยรวมอยู่ที่ 205 สาขา จะส่งผลทำให้สิ้นปีนี้จะมีสาขาเพิ่มเป็น 220 สาขา

ทั้งนี้ แรงขับเคลื่อนหลังที่จะสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของ JMART เป็นไปตามเป้าหมายก็มาจากการเติบโตที่ดีจากทั้งจากบริษัทลูก อย่าง  บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ที่ยังคงเติบโตจากการรับซื้อหนี้เสียเข้ามาบริหารในพอร์ตเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

รวมถึงบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ผู้ให้บริการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าซิงเกอร์ และเป็นผู้ให้สินเชื่อเช่าซื้อ ซึ่งการปรับกลยุทธ์เชิงรุกในพื้นที่ต่างจังหวัดที่ผ่านมาได้การตอบรับที่ค่อนข้างดี ทำให้มีแนวโน้มว่าผลงานปี 2563 นี้จะเติบโตต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม จากแผนที่กล่าวมาข้างต้นนั้น จำเป็นต้องใช้เงินทุนในการขยายธุรกิจ ซึ่งบริษัทสามารถระดมเงินได้จากการออกหุ้นเพิ่มทุน การขายหุ้นจากบริษัทลูกที่ถืออยู่เพื่อดึงพันธมิตรเข้ามาเพื่อเสริมแกร่งให้กับธุรกิจ นอกจากนี้ JMART ยังมีโอกาสที่จะออกวอแรนต์ 3 และ 4 เพื่อระดมเงินทุนมาใช้ในการขยายธุรกิจในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า เนื่องจากในช่วงก่อนหน้านี้ JMART ก็ใช้วิธีการออกวอแรนท์ 1 และ 2 เพื่อนำเงินมาใช้ในการขยายธุรกิจ

นอกจากนี้ ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา JMART ได้ทำรายการขายบิ๊กล็อตหุ้น JMT จำนวน 28 ล้านหุ้น คิดเป็น 3.15% ที่ราคาเฉลี่ย 19.40 บาทต่อหุ้น มูลค่า 543.2 ล้านบาท ให้แก่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดึง BTS มาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจและต่อยอดธุรกิจในอนาคต เนื่องจาก BTS นับเป็นพันธมิตรที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาธุรกิจที่คล้ายๆ กัน ทำให้การ Synergy กันในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพและโอกาสในการเติบโตให้กับธุรกิจในเครือของบริษัทได้ดีขึ้น

โดยการทำรายการดังกล่าว พบว่า JMART จะบันทึกกำไรที่ราว 529.20 ล้านบาท เนื่องจาก JMART มีต้นทุนเพียง 0.50 บาท (คำนวณจากราคาพาร์) ทำให้มีกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น 18.90 บาทต่อหุ้น ซึ่งจะบันทึกเข้ามาภายในช่วงไตรมาส 1/2563 ดังนั้นจึงมีโอกาสที่ JMART จะจ่ายเงินปันผลพิเศษ รวมถึงออกวอแรนท์ให้กับผู้ถือหุ้น

Back to top button