MAJOR โรงหนังร้าง.!?

สถานการณ์น่าเป็นห่วง..!! สำหรับบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR ที่กลายเป็นหุ้นติดหวัดมรณะโควิด-19 ไปแล้ว จนส่งผลให้ราคาหุ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่าน ทรุดโทรมหนัก ปรับลดลงถึง 29.82% และรอบ 1 สัปดาห์ ปรับลดลง 15.79%


สำนักข่าวรัชดา

สถานการณ์น่าเป็นห่วง..!! สำหรับบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR ที่กลายเป็นหุ้นติดหวัดมรณะโควิด-19 ไปแล้ว จนส่งผลให้ราคาหุ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่าน ทรุดโทรมหนัก ปรับลดลงถึง 29.82% และรอบ 1 สัปดาห์ ปรับลดลง 15.79%

ล่าสุดวานนี้ ปิดตลาดที่ระดับ 16.00 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือปรับลดลง 8.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 123 ล้านบาท

ที่ผ่านมา MAJOR จัดเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ดูได้จากรายได้และกำไรเติบโตสม่ำเสมอทุกปี…

โดยปี 2559 มีรายได้รวม 9,580 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,188 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 12.40% ปี 2560 มีรายได้รวม 9,937 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,193 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 12.01% ปี 2561 มีรายได้รวม 10,671 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,283 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 12.03% และปี 2562 มีรายได้รวม 11,141 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,170 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 10.50%

ที่สำคัญ ถือเป็นหุ้นที่มียีลด์ค่อนข้างสูง ปัจจุบันอยู่ที่ 7.71%

อีกทั้งยังมีเสถียรภาพทางด้านราคา จะเห็นว่าราคาไม่ค่อยสวิงมากนัก

แถมเป็นหุ้นที่หมายตาของกองทุนอีกด้วย…

แต่ดูเหมือนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงมากขึ้น จะทำให้เสน่ห์ของ MAJOR หายไปชั่วพริบตา…

ต้องยอมรับว่า โรงหนังเป็นจุดเสี่ยงอีกหนึ่งแห่งในการแพร่ระบาดของไวรัส ทำให้คนเกิดความกังวล ไม่กล้าเข้าโรงหนัง เพราะกลัวติดโรค

ทำให้ทุกวันนี้โรงหนังที่เคยคึกคักกลายสภาพไม่ต่างจากป่าช้า…

ประกอบกับหนังดังฟอร์มยักษ์อย่าง Fast & Furious 9 ซึ่งเป็นหนังทำเงินที่มีรายได้กว่า 400-500 ล้านบาทต่อภาค และเป็นหนังที่ทำรายได้ประจำปีสูงที่สุดติดอันดับ 1-2 ของ MAJOR มาโดยตลอด ที่เลื่อนฉาย 1 ปีเต็ม ไปเป็นเดือน เม.ย. 2564

นอกจากนี้ ยังมีหนังเรื่อง 007, A Quiet Place Part II, Peter Rabbit 2 ที่กำหนดเลื่อนฉายเป็นช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 เช่นกัน

ไม่หมดแค่นี้ แว่ว ๆ มาว่ายังมีหนังดังฟอร์มยักษ์อีกหลายเรื่องที่จะเลื่อนฉายออกไป

ล่าสุดรัฐบาลเตรียมออกมาตรการสั่งปิดโรงหนัง เพื่อลดการระบาดโควิด-19 ซ้ำเติมอีก

นั่นเท่ากับว่า งบปี 2563 ของ MAJOR คงดูไม่จืดแน่ ๆ…

เข้าตำราพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกจริง ๆ

นักวิเคราะห์จึงปรับประมาณการรายได้ในปี 2563 ของ MAJOR ลงเหลือ 8,800 ล้านบาท ลดลง 17% จากปีก่อน

ถือว่าต่ำสุดในรอบ 4 ปีเลยทีเดียว..!!

เมื่อรายได้ลดลง แต่ต้นทุนยังเท่าเดิม ก็จะไปกระทบต่อกำไรสุทธิที่คาดว่าจะเหลือแค่ 893 ล้านบาท ลดลง 24% จากปีก่อน

ดูแล้วน่าหนักใจแทน “เสี่ยวิชา พูลวรลักษณ์ ในฐานะเจ้าพ่อโรงหนังที่ต้องรับบทหนักสู้ศึกครั้งนี้

ก็ไม่รู้ว่า “เสี่ยวิชา จะงัดกลยุทธ์ใดมาสู้กับไวรัสร้ายตัวนี้ เพื่อกอบกู้ MAJOR ให้กลับมาทวงตำแหน่งหุ้นโรงหนังเจ้าเสน่ห์อีกครั้ง

ต้องจับตาดูกันต่อไป…

…อิ อิ อิ…

Back to top button