โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” CPF ชูเป้าสูง 39 บ. ชี้ผลงานไตรมาส 1 สดใสรับราคา “หมู” พุ่ง

โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" CPF ชูเป้าสูง 39 บ. ชี้ผลงานไตรมาส 1 สดใสรับราคา "หมู" พุ่ง


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้นบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF โดยมีนักวิเคราะห์หลายแห่งกำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 39 บาทต่อหุ้น

ด้าน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น CPF ให้ราคาเป้าหมาย 34.50 บาท โดยคาดการณ์ว่าในช่วงไตรมาส 1/63 กำไรยังสดใสจากราคาเนื้อหมูในเวียดนามเพิ่มมากกว่า 15% จากไตรมาสก่อน และมากกว่า 50% เทียบกับปีก่อนจากปัญหาโรคระบาดที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ซึ่งเป็นในทิศทางเดียวกับราคาในไทย

ส่วนกุ้งคาดยังไม่ฟื้นตัวจากอุปทานที่มากทั้งในไทยและต่างประเทศ ขณะที่ไก่ส่งออกฟื้นตัวไม่มาก ทางฝ่ายคาดยอดขาย 123,456 ล้านบาท ลดลง 3% จากปีก่อน และราคาขายที่ดีส่งผลให้ margin ยังสูงกว่า 15% และคาดค่าใช้จ่ายปรับขึ้นเล็กน้อย ทางฝ่ายคาดกำไรปกติจะอยู่ที่ 5,543 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 594% จากไตรมาสก่อน

อย่างไรก็ตามราคาหมูสิ้นไตรมาส 1/63 ปิดต่ำกว่าสิ้นไตรมาส 4/62 ทำให้ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากการลดลงของมูลค่าสินทรัพย์ชีวภาพ คาดกำไรสุทธิ 4,430 ลบ. +4% จากปีก่อน และ +11% จากไตรมาสก่อน

อย่างไรก็ตาม แม้อาหารเป็นปัจจัยสี่ในการดำรงชีพ แต่ COVID-19 ที่เกิดขึ้นก็ได้รับผลกระทบเช่นกันจากการปิดร้านอาหาร, นักท่องเที่ยวลดลง ซึ่งส่งผลต่อการบริโภคทั้งในไทยและต่างประเทศให้หดตัวลง ซึ่งสะท้อนมาในราคาเนื้อสัตว์เดือนล่าสุดที่ลดลงจากผลดังกล่าวซึ่งจะส่งผลกรทบต่อการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีให้อ่อนลงได้ ณ ราคาปัจจุบันคงแนะนำ “ซื้อ” อาจจะปรับราคาพื้นฐานลงจากราคาเนื้อสัตว์ที่อ่อนตัวลง

ขณะที่ บล.ทรีนีตี้ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น CPF ราคาเป้าหมาย 39 บาทต่อหุ้น โดยคาดกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1/63 ที่ 4,734 ล้านบาท ดีขึ้น 18% จากไตรมาสก่อน และ 11% จากปีก่อน โดยปัจจัยหนุนหลักในไตรมาสนี้ยังมาจากราคาหมูในเวียดนามที่ดีขึ้นต่อเนื่องมาจนสูงกว่า 80,000 ดอง/กก. (ในไตรมาสก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ 64,000 ดอง/กก.)

ขณะที่ราคาสัตว์บกในไทยยังค่อนข้างทรงตัวจากไตรมาสก่อน โดยราคาหมูเฉลี่ยอยู่ที่ 61 บาท/กก. (+1% จากไตรมาสก่อน, -17% จากปีก่อน) และราคาไก่เฉลี่ยอยู่ที่ 35 บาท/กก. (-1% จากไตรมาสก่อน, +3% จากปีก่อน ในภาพรวมจึงคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 15.7% มาอยู่ที่ราว 16.3% สำหรับผลกระทบจาก COVID-19 ค่อนข้างจำกัด โดยในจีนยอดขายอาหารอาจลดลงในช่วงสั้นแค่ไม่กี่สัปดาห์จาก Logistic ที่สะดุด แต่หลังจากนั้นยอดขายกลับมาเป็นปกติ ส่วนในไทยเห็นผลกระทบจากธุรกิจที่เป็น Food Service บ้าง แต่สัดส่วนยอดขายน้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้รวม

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปี 2563 คาดว่าผลกระทบโดยรวมจาก COVID-19 จะค่อนข้างจำกัด แม้ว่าธุรกิจที่เป็นร้านอาหารและ Food Service จะได้รับผลกระทบบ้าง แต่ธุรกิจหลักอย่างเช่นฟาร์มสัตว์บกยังค่อนข้างดี โดยราคาหมูในเวียดนามในปัจจุบันจะอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ราว 70,000 ดอง/กก. แต่ยังเป็นระดับที่ค่อนข้างสูง

ส่วนราคาหมูในไทยปัจจุบันปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ราว 65-70 บาท/กก. ด้านราคาไก่อาจจะอ่อนตัวลงมาบ้างจากการส่งออกที่สะดุดในช่วงสั้นแต่คาดว่าจะฟื้นตัวได้ ทั้งนี้บริษัทยังคงเป้าการเติบโตของรายได้รวมที่ 5-8% จากปีก่อน แต่อาจมีการปรับลด CAPEX ในส่วนที่เป็นการขยายกำลังการผลิต รวมถึงเน้นการควบคุมค่าใช้จ่าย

Back to top button