SCB เผยผลพวง “โควิด-19” ดันยอดเงินฝากไตรมาส 1 โตแรง 7.5% แตะ 2.27 ล้านลบ.

SCB เผยผลพวง "โควิด-19" ดันยอดเงินฝากไตรมาส 1 โตแรง 7.5% แตะ 2.27 ล้านลบ.


นางอภิพันธ์ เจริญอนุสรณ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า ไตรมาส 1/63 ภาพรวมเงินฝากของธนาคารเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีจำนวนเงินรับฝากอยู่ที่ 2.27 ล้านล้านบาท เติบโต 7.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 5.4% เมื่อเทียบจากสิ้นปี 62 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินการตามกลยุทธ์การสร้างการเติบโตด้านเงินฝากของธนาคาร โดยเฉพาะเงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากเดินสะพัด (CASA) ทั้งปริมาณเงินฝากและจำนวนลูกค้า รวมถึงการสร้างช่องทางให้สะดวกสบายมากขึ้นจากช่องทางออนไลน์ (Online Platform) เช่น ช่องทาง SCB Easy และพันธมิตรต่างๆของธนาคาร เป็นต้น

“กลุ่มลูกค้าบุคคลธรรมดามีการออมเงินมากขึ้นทั้งเงินฝากออมทรัพย์ธรรมดา และออมทรัพย์ในรูปแบบเปิดบัญชีผ่านช่องทาง SCB Easy และรูปแบบบัญชีแบบไม่มีสมุด ได้แก่ บัญชีเงินฝากออมทรัพย์อีซี่ และบัญชีออมทรัพย์แบบไม่มีสมุด ที่ให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าออมทรัพย์ธรรมดา ซึ่งธนาคารเชื่อว่าเงินฝากออมทรัพย์ในรูปแบบไม่มีสมุดบัญชีจะค่อยๆ เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต ตามทิศทางของการเติบโตของดิจิทัลแบงกิ้งในประเทศ”นางอภิพันธ์ กล่าว

นอกจากนี้การเติบโตของเงินฝากในไตรมาส 1/63 ที่เติบโตเป็นพิเศษ เนื่องจากในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ลูกค้ามีความความเชื่อมั่นในความมั่นคงของธนาคารไทยพาณิชย์ ทั้งสถานะทางการเงิน สภาพคล่อง เงินกองทุนที่เพียงพอ รวมถึงภาพลักษณ์ที่ดีของธนาคาร ทำให้พบว่าลูกค้าทั้งกลุ่มบุคคลและกลุ่มธุรกิจได้มีการย้ายเงินฝากจากธนาคารขนาดกลางและเล็กมายังธนาคารไทยพาณิชย์เพิ่มขึ้นผ่านการเปิดบัญชี CASA กับทางธนาคารเพิ่มสูงขึ้น

ขณะเดียวกันลูกค้ามีการลดสัดส่วนการลงทุนทั้งตลาดทุนและตลาดพันธบัตรมายังเงินฝากเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะ CASA เนื่องจากความผันผวนที่สูงขึ้นมากทั้งตลาดทุนและตลาดพันธบัตร ขณะที่ลูกค้าธุรกิจมีการสะสมสภาพคล่องเพิ่มขึ้นในรูปเงินฝาก และการเลื่อนการลงทุนต่างๆ แล้วเปลี่ยนการลงทุนมาอยู่ในรูปแบบเงินสด หรือเงินฝากธนาคารเพื่อรักษาสภาพคล่องของบริษัท ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/63 ธนาคารมีสัดส่วนเงินฝาก CASA เพิ่มขึ้นเป็น 73% จากสิ้นปี 62 ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 67%

ทั้งนี้ธนาคารคาดว่าการเติบโตของเงินฝากจะเข้าสู่ภาวะสมดุลหากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ซึ่งกลยุทธ์ทางด้านการเติบโตเงินฝาก CASA และจำนวนลูกค้า ยังคงดำเนินการต่อไป รวมทั้งการรักษาฐานลูกค้าปัจจุบัน และเพื่อส่งเสริมให้ลูกค้าออมเงินฝากออมทรัพย์โดยใช้ E-Passbook แทนการใช้สมุดเงินฝากโดยจะได้อัตราดอกเบี้ยพิเศษสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป

ทั้งนี้ ธนาคารขอเชิญชวนประชาชนหันมาออมเงินผ่านผลิตภัณฑ์เงินฝากในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งนอกจากจะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ปกติแล้ว การเปิดบัญชีในรูปแบบดิจิทัลจะมีส่วนช่วยให้ประชาชนสามารถรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ตามแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อีกทาง

Back to top button