TACC ขาขึ้นต่อเนื่อง! บวกอีก5% นิวไฮรอบ 4 เดือน โบรกฯเชียร์ซื้อเคาะเป้า 5.50 บาท

TACC ขาขึ้นต่อเนื่อง! บวกอีก5% นิวไฮรอบ 4 เดือน โบรกฯเชียร์ซื้อเคาะเป้า 5.50 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน)  หรือ TACC ณ เวลา 11.39 น. อยู่ที่ระดับ 4.44 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 4.72%  ด้วยมูลค่าซื้อขาย 74.84 ล้านบาท ราคาหุ้นนิวไฮในรอบ 4 เดือนนับตั้งแต่หุ้นทดสอบระดับ 4.46 บาท เมื่อวันที่ 20 ม.ค.63

บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ปรับประมาณการกำไรปี 63 เป็นทรงตัวจากปีที่ผ่านมา: ภาพรวมทั้งปี 63 คาดรายได้ราว 1,594 ลบ. ยังคงเติบโตราว 5% (ปรับลดจากเดิมที่โต 10%) แม้ว่าจะมีปัจจัยกดดันจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างไรก็ดี คาดว่ารายได้จะยังคงเติบโตตามการขยายสาขาใหม่ของ 7-Eleven ที่คาดว่าปีนี้จะเปิดเพิ่มราว 600-650 สาขา ประกอบกับคาดว่ากำลังซื้อจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงครึ่งปีหลัง  อย่างไรก็ดีปรับลด %GPM เหลือ 30% จากปีก่อนซึ่งอยุ่ที่ระดับ 30.7% ส่งผลให้คาดกำไรปี 63 ราว 164 ลบ. +1%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน(ปรับลดลงจากเดิม 7% ที่ 177 ลบ. +10%YoY)

คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับราคาเหมาะสมลดลงสู่ 5.50 บาท (จากเดิม 6.45 บาท): ประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี Prospective PER ณ ระดับ -0.75SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 2 ปี ที่ 20.5 เท่า ปรับลดลงจากเดิมที่ PE 25 เท่า เนื่องจากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ และประมาณกำไรสุทธิต่อหุ้นปี 63 ราว 0.27 บาท/หุ้น คำนวณได้ราคาเหมาะสมที่ 5.50 บาท ลดลงจากเดิมที่ 6.45 บาท อย่างไรก็ดี ยังคงมี Upside จากราคาปัจจุบัน จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

 

อนึ่งก่อนหน้า นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 1/63   มีกำไรสุทธิ 42.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.80 ล้านบาท หรือ 18.99% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 35.83 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการขายและบริการในไตรมาส 1/63 อยู่ที่ 328.16 ล้านบาท ลดลง 7.04%  จากผลกระทบโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค  อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมียอดขายเติบโตอย่างแข็งแกร่งใน  All Café ที่มากขึ้นตามจำนวนสาขาและเพิ่มเมนูใหม่ตามฤดูกาล  และกลุ่มสินค้าที่ร่วมพัฒนากับ B2B

“กำไรที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 1/63 มาจากอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น โดยมาจากการเพิ่มยอดขายในส่วนสินค้าที่มีกำไรสูงจากการพัฒนาต้นทุนอย่างต่อเนื่องและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน  อย่างไรก็ตาม  บริษัทฯ คาดว่ารายได้ทั้งปี 2563 จะเติบโตประมาณร้อยละ 5-10 จากปีก่อน หากสถานการณ์ โควิด-19 สามารถควบคุมได้และเศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค โดยการเน้นกลยุทธ์การออกสินค้าใหม่มากขึ้นในกลุ่มธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูง และ ร่วมพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าให้กับสินค้าที่จำหน่าย”นายชัชชวี กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังชะลอการขยายธุรกิจคาแรคเตอร์ไปในตลาดต่างประเทศจนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะดีขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทฯเป็นตัวแทนดูแล Licensee ครอบคลุม 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย, สิงคโปร์, มาเลเซีย, กัมพูชา, เมียนมา, ลาว และเวียดนาม ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทวางแผนรุกตลาดเวียดนามเต็มที่ ขณะเดียวกันในประเทศไทยผู้ที่ได้รับ Licensee ไปจากบริษัทฯ ส่วนหนึ่งจำหน่ายผ่านหน้าร้าน หรือขายในห้างสรรพสินค้าก็ได้รับผลกระทบพอสมควร ซึ่งบริษัทฯได้มีการช่วยเหลือลูกค้าโดยการขยายระยะเวลาสัญญาให้กับรายที่มีผลกระทบ

โดยขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่จะเปลี่ยนไป โดยเฉพาะการวางแผนการจับจ่ายใช้สอยก่อนออกจากบ้านมากขึ้น สิ่งที่บริษัทฯจะทำต่อไปคือ ทำอย่างไรให้สินค้าของ TACC ไปอยู่ในแผนการซื้อสินค้าของผู้บริโภค รวมถึงเข้าไปอยู่ในระบบเดลิเวอรี่ เช่น การออกแบบแพ็คเกจที่เหมาะสมกับแต่ละแพลตฟอร์ม เพื่อเพิ่มยอดขาย ผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต

Back to top button