เปิด 3 ตัวท็อปกำไรโตสวนกระแส รับปัจจัยบวกคลายล็อคเฟส 6

เปิด 3 ตัวท็อปกำไรโตสวนกระแส รับปัจจัยบวกคลายล็อคเฟส 6


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมบทวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในภาวะดัชนีผันผวน โดยพบว่า นักวิเคราะห์แนะนำหุ้นที่เชื่อว่าผลประกอบการไตรมาส 2/2563 จะออกมาเติบโต อีกทั้งยังเป็นหุ้นที่ได้รับ Sentiment เชิงบวกจากการผ่อนคลายระยะที่ 6

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ (23 ก.ค.2563) โดยแนะนำจับตากระแสการผ่อนคลายธุรกิจเฟส 6 หนึ่งประเด็นในประเทศที่ตลาดน่าจะให้น้ำหนัก คือ ประชุม ศบค. มีมติอนุมัติ มาตรการผ่อนคลายระยะที่ 6 โดยเป็นการปรับปรุงเงื่อนไข และอนุญาตให้ชาวต่างชาติจำนวน 4 กลุ่มเดินทางเข้าประเทศได้

ทั้งนี้ เชื่อว่าการผ่อนคลายระยะที่ 6 ข้างต้น โดยเฉพาะการอนุญาตให้ผู้ป่วยต่างชาติเข้ามารักษา จะเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติสูง เช่น BDMS และ BH

แนะนำ BDMS CRC รับกระแสผ่อนคลายธุรกิจ และหุ้นกำไรไตรมาส 2/2563 เด่น AP

สำหรับภาพรวมการรายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2563 ทั้งจากกลุ่ม ธ.พ. ที่ประกาศเสร็จสิ้นไปแล้ว บวกการทำ Earning Preview ของนักวิเคราะห์พื้นฐานทั้งสิ้น 55 บริษัท อาจนำไปสู่การปรับประมาณการกำไรลง ด้วยเหตุผลดังนี้

  1. คาดว่าส่วนใหญ่กำไรหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก (Real Sector) ลดลงทั้งจากไตรมาสก่อน และจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน เกินกว่าครึ่งหนึ่ง และมีหลายบริษัทที่ขาดทุน
  2. กำไรงวดไตรมาส 2/2563 ของกลุ่มธ.พ. ลดลงแรงกว่าคาด ประกาศออกมาอยู่ที่ 3.03 หมื่นล้านบาท (ลดลง 31% หรือ 1.37 หมื่นล้านบาท จากไตรมาสก่อน และ ลดลง 41% หรือ 2.1 หมื่นล้านบาท จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน)

ทั้งนี้ จากเหตุผลทั้ง 2 ส่วน มีความเป็นไปได้สูงที่ฝ่ายวิจัยฯ จะปรับประมาณการกำไรลงอีก จากเดิมที่ประเมินว่า บริษัทจดทะเบียนจะมีกำไรในปี 2563 อยู่ที่ 6.88 หมื่นล้านบาท (EPS 63F 64 อยู่ที่ 64 บาท/หุ้น) แต่หากกำไรงวดไตรมาส 2/2563  ออกมาแล้วต่ำกว่าคาดมาก อาจส่งผลให้กำไรช่วงครึ่งปีแรกของปี 63 ของบริษัทจดทะเบียนรวมกันไม่ถึง 2 แสนล้านบาท หรือมีสัดส่วนเพียง 29% ของประมาณการเดิม ถือเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่สำคัญต่อภาพรวมตลาด

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนแนะนำเก็งกำไรหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง เกาะกระแสเปิดธุรกิจจนมาถึงเฟส 6 ชอบ BDMS, CRC รวมถึงแนะนำลงทุนหุ้นที่กำไรงวดไตรมาส 2/2563  เติบโตโดดเด่นเหนือบริษัทอื่นๆ ทั้งในกลุ่มอุตสาหกรรม และภาพรวมตลาด อย่าง AP มีรายละเอียดดังนี้

BDMS ([email protected]) มาตรการผ่อนปรนที่อนุญาตให้กลุ่มขาวต่างชาติ Medical Tourism and Wellness ที่ออกมาเพิ่มเติม จากเดิมที่เน้นเฉพาะกลุ่มที่มีความจำเป็นต้องรักษา เป็นรวมเปิดให้ รพ. ทำตลาดเพื่อจูงใจผู้ที่อาจจะเริ่มมีปัญหาสุขภาพ ผ่านการขายแพ็คเกจต่างๆ ได้ เชื่อว่าจะเป็นบวกต่อหุ้นรพ. ในเรื่องจำนวนผู้ใช้บริการต่างชาติที่หายไป ซึ่งคาดว่าจะฟื้นตัวกลับมาต่อเนื่องเป็นลำดับ  โดยเชื่อว่า รพ.ที่จะได้ผลบวก คือ BH และ BDMS ที่มีฐานลูกค้าต่างชาติกลุ่ม Fly-in ราว 56% และ 15% ของรายได้

อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของกลุ่ม Fly-in ที่ยังไม่กลับมาเท่ากับในอดีตทันที จึงประเมิน BDMS ที่มีฐานลูกค้าที่เหลือเป็นกลุ่มคนไทยที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวหลังคลาย Lockdown ตั้งแต่ พ.ค. 63 คือ ลดลง 5%-10% (ดีขึ้นชัดเจนจากช่วง COVID-19 ระบาดต้นๆ ช่วง มี.ค. 63 ซึ่ง ลดลงจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน เกิน 10%) และชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทย ซึ่งได้รับอนุญาตให้นำครอบครัวกลับเข้ามาได้ในช่วงก่อนหน้านี้ เชื่อว่าน่าจะเห็นปริมาณการเข้ารักษาใน รพ. ฟื้นตัวเช่นเดียวกับกลุ่มคนไทย

โดยคาดมาจากกลุ่มคนในครอบครัวเพิ่มเติม นอกจากนี้ การปรับกลยุทธ์จับมือหลายบริษัท ประกัน ออกแพ็คเกจรักษาในกลุ่ม รพ. BDMS บนค่าเบี้ยประกันที่ไม่สูงนัก จึงคาดว่าจะเป็นอีกปัจจัยขับเคลื่อนการฟื้นตัว ภาพรวมประเมิน BDMS น่าจะเป็น รพ. ที่มีโอกาสฟื้นตัวเร็วกกว่า BH ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 และจะเห็นการฟื้นตัวเด่นชัดในปี 2564 กอปรกับ มูลค่าพื้นฐานปี 2563 ที่ 23.8 บาท ยังมี Upside เกือบ 10% แนะนำ ซื้อ ทั้งนี้ ในส่วนของ BH ฝ่ายวิจัยมีแนวโน้มทบทวนประมาณการและคำแนะนำ หากผลตอบรับมาตรการ Medical Tourism ที่รัฐฯออกมาเพิ่มเติมล่าสุดส่งผลบวกสูงกว่าคาด

CRC ([email protected]) ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงจากจุดสูงสุดกว่า 28% ประเมินสะท้อนความเสี่ยงงวดไตรมาส 2/2563 คาดพลิกขาดทุนไปแล้ว ฝ่ายวิจัยประเมินระดับราคาปัจจุบันเป็นจุดน่าเข้าสะสม รอรับประเด็นบวกระยะถัดไปเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น หลังกิจกรรมเศรษฐกิจของทุกประเทศที่ CRC ให้บริการ (ไทย 69%, เวียดนาม 23% และ อิตาลี 8%) เริ่มกลับมาใกล้เคียงปกติ สะท้อนจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) มิ.ย. ที่ลดลงจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ไม่มาก และหลังจากนี้จะเสริมด้วย มาตรการกระตุ้นการบริโภค ซึ่งน่าจะเป็นมาตรการแรกๆของ ครม.เศรษฐกิจ ชุดใหม่ ซึ่งเชื่อว่าสามารถคาดหวังได้ในรูปแบบใกล้เคียงในอดีต เช่น มาตรการช็อปช่วยชาติในประเทศไทย ซึ่ง CRC พร้อมรับผลบวกเต็มที่ จากการมีทั้งสาขาและประเภทสินค้าที่จำหน่ายที่ครอบคลุม และจะเสริมด้วยแผนเปิดสาขาใหญ่อีก 11 แห่ง

ส่วนในอิตาลีเชื่อว่ามีลุ้นที่จะเห็นมาตรการกระตุ้นผ่านทางกลไกภาษี ดังเช่นที่เห็นการปรับลด VAT ระยะสั้นในเยอรมัน หนุนครึ่งปีหลังของปี 63 คาดหวังฟื้นตัวได้ แต่ภาพครึ่งปีแรกของปี 2563 แย่กว่าคาด กำไรปี 2563 ที่ 3.3 พันล้านบาท ลดลง 52% ประเมินอาจมี Downside อยู่บ้าง แต่การฟื้นตัวเด่น 87.2% ในปี 2564 เชื่อไม่มี Downside ที่มีนัยฯ  จึงกระทบต่อมูลค่าพื้นฐานอิง DCF จำกัด ปัจจุบันเชื่อว่าหุ้นอยู่ในจุดที่เป็นโอกาสสะสมรอฟื้นตัว แนะนำ ซื้อ

AP (FV @ 7.70) โดยคาดกำไรไตรมาส 2/2563 สูงถึง 1.17 พันล้านบาท โดดเด่น 153% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน  และ 90% จากไตรมาสก่อน หนุนจากส่วนแบ่งกำไร JV และยอดโอนฯ ที่สูงขึ้น โดยเฉพาะจากยอดขายแนวราบที่แข็งแกร่ง หนุนภาพธุรกิจครึ่งปีแรกของปี 63 มีแนวโน้มดีกว่าคาด และนำไปสู่การปรับเพิ่มกำไรปี 2563 ขึ้นจากเดิม 22% สู่ระดับ 3.46 พันล้านบาท เติบโต 15% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และปรับมูลค่าทางพื้นฐานขึ้นจาก 6.30 เป็น 7.70 บาท พร้อมคาดหวัง Dividend Yield สูงเกือบ 7% ต่อปี

*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

 

 

Back to top button