ETC เคาะราคาไอพีโอ 2.60 บ. พร้อมตั้งอันเดอร์ไรท์เตอร์ ปักหมุดเทรด 18 ส.ค.นี้

ETC  เคาะราคาไอพีโอ 2.60 บ. พร้อมเซ็นตั้งอันเดอร์ไรท์เตอร์ ปักหมุดเทรด 18 ส.ค.นี้ ชูจุดเด่นกำไรสูง ตัวเก็งประมูลรฟฟ.ขยะ 444MW


นายเอกรินทร์ เหลืองวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETC เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ลงนามสัญญาการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (ไอพีโอ) ของบริษัท จำนวน 600 ล้านหุ้นพร้อมหุ้นกรีนชู จำนวน 60 ล้านหุ้นกับ บมจ. หลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ ในราคาหุ้นละ 2.60 บาท คิดเป็นมูลค่าการระดมทุนประมาณ 1,560 ล้านบาท

โดยบริษัทฯมีแผนจะนำเงินจากการเพิ่มทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจของ ETC และบริษัทย่อย รวมถึงการชำระคืนเงินกู้ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของธุรกิจและเตรียมขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดต่างๆ อาทิเช่นโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 400 เมกะวัตต์ และ โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 44 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะเปิดประมูลปลายปีนี้

ด้าน นางสาวปิ่นมณี เมฆมัณฑนา กรรมการผู้จัดการอาวุโสสายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงินของ ETC กล่าวว่า หุ้นไอพีโอ ETC ได้รับกระแสความสนใจอย่างสูงจากการโรดโชว์ พบทั้งนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย เนื่องจาก ETC มีจุดแข็งอย่างมากด้านเชื้อเพลิงขยะจากบริษัทฯแม่คือ กลุ่มเบตเตอร์ เวิลด์ กรีน (BWG) เป็นผู้ประกอบการด้านกำจัดขยะอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ

อีกทั้ง ETC มีประสบการณ์การดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะที่ดี มีคณะผู้บริหารและทีมงานวิศวกรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ อีกทั้งยังมีบริษัทย่อยเป็น บริษัทรับเหมาที่เชี่ยวชาญการสร้างโรงไฟฟ้าขยะแบบครบวงจร รวมถึงบริหารและดูแลซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า (O&M)ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด จึงเป็นหุ้นโรงไฟฟ้าขยะตัวแรกของตลาดหุ้นไทย ที่มีอนาคตไกล มีผลประกอบการดี มีอัตรากำไรสูง และมีแนวโน้มการเติบโตสูงมากจากการเตรียมเปิดประมูลโรงไฟฟ้าที่ใช้ขยะเป็นเชื้อเพลิงกว่า 444เมกะวัตต์ และคาดว่าจะได้รับการจองซื้อหุ้นไอพีโอของบริษัทฯอย่างมาก

ขณะที่ นายชัยพัชร์ นาคมณฑนาคุ้ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้จัดการการการจัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุน กล่าวว่า ราคาหุ้นไอพีโอในราคาหุ้นละ 2.60 บาท คิดเป็นการขายที่ราคากำไรต่อหุ้น (P/E) ประมาณ 22 เท่า เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิต่อหุ้นในปีหน้าที่นักวิเคราะห์ประมาณไว้ เมื่อเทียบกับ อัตรา P/E เฉลี่ยของกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภคที่ประมาณ  29 เท่า

โดยการจองซื้อหุ้นไอพีโอของ ETC จะให้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิมของ บมจ. เบตเตอร์เวิลด์ กรีน (BWG) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ ETC จองซื้อได้ไม่เกิน จำนวน 95,802,973 หุ้น คิดเป็นสิทธิในการจองซื้อในอัตรา 40 หุ้น BWG ต่อ 1 หุ้นสามัญ ETC ในระหว่างวันที่ 4-6 สิงหาคม 2563 กับบริษัทหลักทรัพย์ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นตัวแทนรับจองซื้อ

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นของ BWG เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้นสามารถดาวน์โหลด (Download)เอกสารประกอบการจองได้ที่ (1) เว็บไซต์ของ BWG (2) บริษัทฯ (www.etcenvi.com) (3) เว็ปไซต์ของบริษัทหลักทรัพย์ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (www.utrade.co.th) และ(4) ข้อมูลใน QR Code ในหนังสือแจ้งสิทธิของผู้ถือหุ้นของBWGในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ ETCที่จัดส่งโดยศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัดเมื่อวันที่24กรกฎาคม2563

นอกจากนั้น ETC ยังเปิดให้นักลงทุนทั่วไปจองซื้อได้ในระหว่างวันที่ 7 -11 สิงหาคม 2563 ผ่านกลุ่มบริษัทผู้จัดจำหน่ายได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) บริษัทหลักทรัพย์เคทีบี (ประเทศไทย)  บริษัทหลักทรัพย์เอเอสแอลจำกัดบริษัทหลักทรัพย์ไอร่าจำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์แลนด์แอนด์เฮ้าส์ และมีกำหนดการจะเริ่มเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 18 สิงหาคมนี้

อนึ่ง ETC เป็นผู้นำด้านโรงฟ้าขยะแบบครบ คือ มีโรงไฟฟ้าพลังงานขยะอุตสาหกรรม 3 แห่งคือ ที่จังหวัดสระบุรี พระนครศรีอยุธยา และพิจิตร รวมกำลังการผลิต 20.4 เมกะวัตต์ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 16.5 เมกะวัตต์ กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ระยะเวลา 20 ปี โดย ETC เป็น บริษัทในกลุ่ม เบตเตอร์เวิร์ล กรีน (BWG) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้รับบริหารกำจัดกากอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งมีโรงงานผลิตขยะอัดแท่ง (RDF) อยู่ภายในกลุ่ม ทำให้ ETC มีความมั่นคงด้านเชื้อเพลิง รวมถึงข้อได้เปรียบด้านต้นทุนเชื้อเพลิง

โดย ETC มีทุนจดทะเบียน 1,120,000,000 บาทมีจำนวนหุ้นทั้งหมด 2,240,000,000หุ้นด้วยมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้นและมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 362.39  ล้านบาท ในปี 2562 เพิ่มขึ้น จากรายได้รวม 325.24  ล้านบาทในปี 2561 และรายได้รวม 184.10  ล้านบาทในปี 2560 และมีกำไรสุทธิ 56.80  ล้านบาท

ส่วนในปี 2562 จากกำไรสุทธิ 65.35  ล้านบาท ในปี 2561 และขาดทุนสุทธิ 3.14  ล้านบาท ในปี 2560 เนื่องจากในปี 2561 และ 2562 มีการรับรู้รายได้ค่าไฟฟ้าเต็มปีจากโรงไฟฟ้า ETC และล่าสุดในงวดไตรมาส 1 ปี 2563   บริษัทฯ มีรายได้รวม 134.90 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 24.18 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิสูง 18%

ทั้งนี้ในปี 2563 นี้ ETC คาดว่าจะรับรู้รายได้การขายไฟฟ้าได้เต็มปี จากโรงไฟฟ้าขยะ RH และ AVA ซึ่งมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าแบบ FiT สูงถึง 6.83 บาท/หน่วย ซึ่งเป็นอัตราการรับซื้อไฟฟ้าที่สูงสุดเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงประเภทอื่น เนื่องจากภาครัฐส่งเสริมการใช้ขยะเป็นเชื้อเพลิงเพื่อลดปัญหาด้านปริมาณขยะของประเทศ

Back to top button