โลกใหม่ vs อุดมการณ์รัฐ

หมอวรงค์ล่าชื่อค้านแก้รัฐธรรมนูญ วันเดียวได้เป็นแสน ทหารแก่ปลาบปลื้ม พลังเงียบแสดงตน เจ๋งกว่า iLaw ล่าชื่อแก้รัฐธรรมนูญเป็นเดือน ๆ ได้ไม่ถึงห้าหมื่น


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

หมอวรงค์ล่าชื่อค้านแก้รัฐธรรมนูญ วันเดียวได้เป็นแสน ทหารแก่ปลาบปลื้ม พลังเงียบแสดงตน เจ๋งกว่า iLaw ล่าชื่อแก้รัฐธรรมนูญเป็นเดือน ๆ ได้ไม่ถึงห้าหมื่น

ที่ไหนได้ ชาวโลกออนไลน์หัวร่อครึกครื้น เพราะหมอวรงค์ใช้ google sheet ซึ่งใครจะพิมพ์ชื่ออะไร มีตัวตนจริงหรือไม่ พิมพ์กี่ครั้งก็ได้ นับหมดจึงได้ครบแสนอย่างรวดเร็ว ต่างกับการล่าชื่อแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องถ่ายสำเนาบัตรยืนยันตัวตน

แต่คนแก่ ๆ ตกยุคโง่เทคโนโลยี ก็เอาไปส่งต่อกันในกลุ่มไลน์สวัสดีวันจันทร์ ปลาบปลื้มว่าพวกเรายังมีเยอะ ทั้งที่จัดกิจกรรมเก้าอี้ว่างมากกว่าคน

แบบเดียวกับซูเปอร์โพลหนุนประยุทธ์ 78% อ้างว่าฝ่ายประชาธิปไตยในโซเชียลมีเพียง 1.34% ที่ดูเยอะเพราะปั่นกระแสจากต่างประเทศ คนรุ่นใหม่หัวเราะกลิ้ง เด็กสมัยนี้ใช้ VPN เป็นตั้งแต่ประถมต้น จึงเล่นทวิตเตอร์ได้เต็มเหนี่ยว ไม่ต้องกลัวกฎหมายความมั่นคง

แต่พวกอยู่ในโลก 0.4 ก็ปักใจเชื่อ อเมริกาหนุนม็อบ ไปด่าสถานทูต หาว่าต้องการทำลายประเทศไทยเพื่อสกัดจีน ทำผังโยงจอร์จ โซรอส ซึ่งสนับสนุนภาคประชาสังคมทั่วโลก ตลกร้ายคือในอเมริกา พวกขวาสุดโต่งก็หาว่าโซรอสอยู่เบื้องหลัง Black Lives Matter โค่นทรัมป์ แต่ในเมืองไทย หาว่าทรัมป์จับมือโซรอสหนุนม็อบต้านจีน

คำถามคือ เวลาอ่านข่าว คอลัมน์ หรือดูรายการ ของพวกสื่อดาวสยามย้อนยุคครึ่งศตวรรษ ที่ปั้นข้อมูลให้ร้ายป้ายสี ม็อบมีเบื้องหลัง เพนกวินรับเงิน คนรุ่นใหม่เป็นพวกซอมบี้คลั่งติดเชื้อจากโลกออนไลน์ ฯลฯ คนที่อยู่ในโลกธุรกิจสมัยใหม่รู้สึกอย่างไรบ้าง

ปัญญาอ่อนไร้สาระ หลุดโลก สุดโต่ง แต่รัฐบาลไม่ใช่อยู่ได้เพราะคนพวกนี้หรอก

ใช่ แต่มันไม่ใช่เรื่องของคนกลุ่มเดียว ไม่ใช่แค่ความเห็นต่าง นี่มันคือการปกป้อง อุดมการณ์หลักของชาติที่ควบคุมประเทศอยู่

ทำไมการปกป้องอุดมการณ์หลักของชาติต้องงี่เง่าล้าหลังอย่างนี้ ทั้งที่ประเทศเปลี่ยนไปถึงไหนแล้ว ทั้งธุรกิจ วิถีชีวิต เทคโนโลยี ข้อมูลข่าวสาร ฯลฯ ก็ยังทำเหมือนยุค 6 ตุลา 2519 หรือยุคสงครามเย็น

เศรษฐกิจสมัยใหม่เชื่อมกับโลก ค่าเงินทองหุ้นขึ้นลงตามสงครามการค้า ตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ ท่าทีของเฟด ฯลฯ แต่อุดมการณ์ในประเทศยังเหมือนยุคฆ่านักศึกษาโดยหาว่าจีนญวนอยู่เบื้องหลัง ระบอบการปกครองความคิดวัฒนธรรม ยังต้องการครอบงำปลูกฝังบังคับให้อยู่กับความเชื่อถือศรัทธาแบบโบราณ โดยรัฐราชการ มหาดไทย กองทัพ กอ.รมน. กระทรวงศึกษา

แต่ก็ยังต้องการให้คนคิดเป็น อยากเห็นคนรุ่นใหม่สมาร์ตสตาร์ตอัพ เพราะโลกยุคนี้ถ้าไม่มี Critical thinking มัวแต่จบมาเป็นลูกจ้างวิ่งเต้นเส้นสายเป็นข้าราชการประเทศไปไม่รอด

อุดมการณ์รัฐจึงขัดกับโลกสมัยใหม่ เศรษฐกิจสมัยใหม่ สะท้อนออกมาทางแรงระเบิดของคนรุ่นใหม่ เหมือนที่ม็อบ นักเรียนเลวไล่จี้ แทนที่จะมุ่งคุณภาพการศึกษา อุดมการณ์รัฐมุ่งจัดระเบียบเด็ก ใช้อำนาจนิยม บังคับเสื้อผ้าหน้าผม ก้มกราบ พิธีกรรม แล้วครูก็ใช้อำนาจคุกคาม บุลลี่ กระทั่งลามไปทำร้ายร่างกาย คุกคามทางเพศ

คนรุ่นใหม่ก้าวหน้าเกินกรอบจารีตบังคับ ประกาศเป็นอุกกาบาตพุ่งชนโลกเก่า ให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ ไดโนเสาร์ก็ดิ้นพล่าน ไปหยิบเอาทัศนะเสรีภาพทางเพศมาสำรากอย่างหยาบคายว่าร่าน

ความขัดแย้งครั้งนี้จึงไม่เหมือนอดีต ที่อุดมการณ์รัฐอ้างศีลธรรมโทษนักการเมือง รัฐประหารทำลายประชาธิปไตย แล้วอ้างว่ารักษาความสงบ ให้ประเทศเดินต่อได้

แต่ครั้งนี้ อุดมการณ์รัฐถอยไปล้าหลังสุดโต่งปะทะคนชั้นกลางรุ่นใหม่ ในโลก Disrupt ที่กำลังเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว แล้วก็ยังดันทุรังรักษาอำนาจครอบงำเบ็ดเสร็จ

คนรุ่นใหม่อาจเอาชนะอำนาจที่ใหญ่โตมโหฬารไม่ได้ แต่รัฐก็เอาชนะโลกใหม่ไม่ได้ ยิ่งถอยหลังไปครึ่งศตวรรษอย่างที่เห็นกัน

แล้วประเทศจะเดินต่ออย่างไร

Back to top button