ยืนไม่ได้ ก็ซึมลง (อีก)

*หนทางเดียวที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยหลุดพ้นจากวงรอบไซด์เวย์ดาวน์มีเพียงทางเดียวคือ ดัชนีต้องขึ้นมายืนเหนือเส้น 10 วัน เส้น 25 วัน และเส้น 75 วัน ซึ่งอยู่ตรงบริเวณ 1,325 จุดให้ได้เร็วสุดเท่าที่จะทำได้ เพราะสิ่งที่เห็นตอนนี้คือโอกาสที่จะวิ่งผ่านเส้นแนวต้านระยะสั้น 10 วัน (1,295) อย่างแข็งแกร่งยังไม่เปิดกว้างเท่าที่ควร แถมเมื่อดูข้อมูลย้อนหลังยาว ๆ จะเห็นว่า 3 เดือนที่ผ่านยังไม่สามารถขึ้นไปยืนเหนือ 1,325 จุดได้นานสักที!..หนูเลยไม่สบายใจไงล่ะค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*หนทางเดียวที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยหลุดพ้นจากวงรอบไซด์เวย์ดาวน์มีเพียงทางเดียวคือ ดัชนีต้องขึ้นมายืนเหนือเส้น 10 วัน เส้น 25 วัน และเส้น 75 วัน ซึ่งอยู่ตรงบริเวณ 1,325 จุดให้ได้เร็วสุดเท่าที่จะทำได้ เพราะสิ่งที่เห็นตอนนี้คือโอกาสที่จะวิ่งผ่านเส้นแนวต้านระยะสั้น 10 วัน (1,295) อย่างแข็งแกร่งยังไม่เปิดกว้างเท่าที่ควร แถมเมื่อดูข้อมูลย้อนหลังยาว ๆ จะเห็นว่า 3 เดือนที่ผ่านยังไม่สามารถขึ้นไปยืนเหนือ 1,325 จุดได้นานสักที!..หนูเลยไม่สบายใจไงล่ะค่ะ

*ฉะนั้นการที่ดัชนีขยับขึ้นมาปิดที่บริเวณ 1,293.48 จุด บวกไป 7.30 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.27 หมื่นล้านบาท ย่อมเป็นเรื่องที่ทำให้แฮปปี้ไม่มากก็น้อย แต่อย่าลืมว่า เมื่อดูไซเคิลใหญ่ในช่วงหนึ่งไตรมาส ดัชนีก็มีรูปแบบ “ขึ้นแล้วลง” มาตลอด แถมยังทำจุดต่ำสุดใหม่ให้เห็นเป็นระยะ “โมนิก้า” ถึงต้องจั่วหัวแรงเพื่อทำให้แฟนคลับได้เห็นภาพใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต จะได้มีเวลาเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ทันท่วงทีเจ้าค่ะ

*โดยเฉพาะในมุมของอิทธิพลตลาดหุ้นต่างประเทศที่มีอาการ “ขึ้นแรงสุด ๆ” แต่หลังจากนั้น “ลงแรงสุด ๆ” กลายเป็นประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” สนใจท่าทีของนักเล่นกลุ่ม “กองทุน” มากเป็นพิเศษ เพราะกลายเป็นผู้เล่นหลักที่มีผลทำให้ดัชนีบวกสองวันติด เดี๊ยนถึงพยายามมองเรื่องราวต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ เพื่อต้องการไขปริศนาความผันผวนที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยในยามนี้พะยะค่ะ

*เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหุ้นยางมะตอย TASCO มองในมุมของม้าแก่ชำนาญทางที่เห็นกำไรทรุด ราคาหุ้นก็ควรลงไปสัก 3 ฟลอร์ เพื่อบาลานซ์กับผลกระทบที่เกิดขึ้น “โมนิก้า” ถึงมองการทิ้งตัวลงมายืนปิดที่ 16  บาท ลบไป 1.40 บาท หรือลงไป 8% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.71 พันล้านบาท คือภาพสะท้อนที่ชี้ให้เห็นว่า ราคาหุ้นน่าจะซึมลงไปเรื่อย ๆ เพราะช็อตนี้ไม่มีใครอยากจะถือหุ้นอีกแล้วนะซี

*ส่วนอีกช็อตที่สร้างความหนักใจสุด ๆ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นแบงก์ดอกบัว BBL เพื่อชี้ให้เห็นอาการอ่อนยวบยาบที่เกิดขึ้นในเวลานี้ มันคือภาพที่ย้อนแย้งกับสิ่งที่ทุกคนเชื่อว่า น่าจะดีขึ้น ! เดี๊ยนถึงให้แฟนคลับมองราคาปิดที่ 100 บาท ลบไป 3.50 บาท หรือลงไป 3.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.46 พันล้านบาท  พร้อมกับแสดงอาการจะลงไปยืนแถว 95 บาทอีกรอบแบบนี้..รอดูสถานการณ์ก่อนดีไหมจ๊ะ

*คล้ายกับในรายของ AAV โดนกดลงมาปิดที่ระดับ 1.91 บาท ลบไป 0.03 บาท หรือลงไป 1.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 100 ล้านบาท ทั้งที่เห็นกันทนโท่ว่า นโยบายเปิดประเทศกำลังจะเกิดขึ้น ธุรกิจท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคัก เหตุไฉนราคาหุ้นถึงเด้งรับข่าววันเดียวเลิก เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับมองเรื่องที่เกิดขึ้นมันสมเหตุสมผลไหม ? และหุ้นตัวนี้ยังน่าเล่นอะป่าว !

*สำหรับรายที่แรงได้ใจสุด ๆ “โมนิก้า” ย่อมให้น้ำหนักไปที่หุ้น DELTA หลังราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 139 บาท บวกไป 13.50 บาท หรือขึ้นไป 10.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 946 ล้านบาท เท่ากับเป็นการขานรับกำไรในอนาคตโตระเบิด ยิ่งวานนี้ได้ยินแมงเม่าเม้าท์กันสนั่นลั่นทุ่งว่า ออเดอร์ผลิตชิ้นส่วนล้นทะลัก ยิ่งเป็นการย้ำเตือนว่า ราคาหุ้นควรวิ่งขึ้นได้อีกนะจ๊ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ SAWAD ทะยานขึ้นมาปิดที่ 48.75 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 5.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.29 พันล้านบาท พร้อมกับสตอรี่วอร์แรนต์ 2 ที่ใช้สิทธิแปลง 100 บาท เข้าเทรดวันนี้ “โมนิก้า” อยากให้ขาลุยจับตาดูสถานการณ์ของทั้งคู่ว่า ระเบิดเถิดเทิงขนาดไหน ? เพราะเที่ยวนี้มาด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยม จึงเชื่อว่า วันนี้น่าจะมีอะไรเด็ด ๆ อีกพะยะค่ะ

*ขนาดหุ้นมอเตอร์ไฟฟ้า PIMO มีอาการติ๋ม ๆ หงิม ๆ เป็นเวลากว่าครึ่งปี ยังกลับมาเฉิดฉายด้วยสตอรี่โตกระฉูด เดี๊ยนถึงต้องไหลตามน้ำแบบไม่ต้องอธิบายอะไรเยอะ เพราะของมันเห็นเต็มสองตาว่า กระแสเขามาแรงจริง ๆ วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมาปิดที่ 2.06 บาท บวกไป 0.09 บาท หรือขึ้นไป 4.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 141 ล้านบาทได้อีกครั้ง (วันก่อนพยายามแล้ว แต่ขึ้นไม่ไหว) จึงกลายเป็นช็อตที่ชวนสงสัยว่า วันนี้จะไปต่อไหมหนอ ?

Back to top button